
กรมฯ เพิ่มมาตรการคุมเข้มการจดทะเบียนนิติบุคคลเพื่อป้องกันการใช้บัญชีม้า
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้เพิ่มมาตรการคุมเข้มการจดทะเบียนนิติบุคคลรายใหม่ เพื่อป้องกันปัญหานอมินีบัญชีม้า ใช้ประโยชน์จากการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท แล้วนำมาเป็นช่องทางหลอกลวงประชาชน โดยมี 5 มาตรการ คือ 1.ขยายการตรวจสอบบุคคลกลุ่มเสี่ยง (HR-03) ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันการฟอกเงิน (ปปง.) 2.บูรณาการข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานะทางการเงิน 3.พัฒนาระบบตรวจจับพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยง 4.ปรับปรุงระเบียบ คำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียน และ 5.ระงับสิทธิ์ผู้ใช้งานระบบจดทะเบียนที่ฝ่าฝืนเงื่อนไขและข้อตกลง โดยบางมาตรการสามารถดำเนินการได้ทันที ส่วนบางมาตรการ ต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนออกเป็นคำสั่ง ระเบียบหรือประกาศ เพื่อบังคับใช้
สำหรับการขยายการตรวจสอบบุคคลกลุ่มเสี่ยง (HR-03) นั้น ขณะนี้ได้รับข้อมูลจาก AOC มาแล้วกว่า 90,000 รายชื่อ หากมีชื่อบุคคลเหล่านี้ มายื่นจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล หรือแจ้งเปลี่ยนกรรมการ หุ้นส่วน กรมจะแจ้งให้มายืนยันตัวตน ถ้ามายืนยันก็จะรับจดให้ แต่ถ้าไม่มา จะไม่รับจด ซึ่งส่วนใหญ่ พอเรียกไปก็ไม่มา ล่าสุด มายืนยันตัวตนแล้วราว 40 ราย ซึ่งกรมก็รับจดให้
ส่วนการดูแลเรื่องสถานะการเงิน กรมได้ประสานกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอข้อมูลผู้ที่ขึ้นทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.4 ล้านราย เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพนำชื่อบุคคลในกลุ่มนี้ มาใช้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ทั้งการเป็นผู้ถือหุ้น เป็นกรรมการ หรือเป็นหุ้นส่วน เพราะที่ผ่านมา ตรวจสอบพบว่า มีการจ้างหรือไปหลอกให้คนในกลุ่มนี้มาเป็นผู้จดทะเบียน ทั้งๆ ที่คนกลุ่มนี้ มีเงื่อนไขการเป็นผู้ถือบัตร คือ มีเงินสดในบัญชีไม่เกิน 100,000 บาท มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท มีที่ดิน 1 ไร่ หากเป็นเกษตรกร 10 ไร่ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นผู้มีรายได้น้อย หากกรมพบว่า มีชื่อมายื่นจดทะเบียน ก็จะเรียกให้มาแสดงตน และให้ยื่นหลักฐานฐานะทางการเงินประกอบด้วย
ขณะที่การพัฒนาระบบตรวจจับพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยง จะมุ่งตรวจสอบบุคคลที่มายื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในระยะเวลาไม่ห่างกัน เป็น 10 หรือ 20 บริษัท หรือใช้ที่อยู่ที่เดียวกันเป็นที่ตั้งบริษัท จะไม่อนุญาตให้จดทะเบียนได้ทันที จะเรียกมาชี้แจง และยืนยันตัวตน หลักฐานทางการเงิน หากเป็นที่อยู่เดียวกัน จะต้องมีใบยืนยันจากเจ้าบ้านให้ใช้เป็นสถานที่ตั้งมาแสดงด้วย โดยตั้งเป้าเอาไว้ไม่เกิน 5 ราย หากเกินนี้ จะเข้าไปตรวจสอบทันที
ทางด้านการปรับปรุงระเบียบที่เกี่ยวกับการจดทะเบียน พบว่า ในปัจจุบัน มีการยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเองประมาณ 15% อีก 85% เป็นการว่าจ้างให้ผู้จัดทำบัญชี ผู้สอบบัญชี สำนักงานบัญชี หรือสำนักงานทนายความ มายื่นจดทะเบียนให้ จึงได้กำหนดให้การลงลายมือชื่อกรรมการ ต้องทำต่อหน้าตัวแทน
และมาตรการสุดท้าย เป็นการระงับสิทธิ์ผู้ใช้งานระบบจดทะเบียน หากตรวจสอบพบว่า ไม่มีการลงลายมือชื่อต่อหน้าจริง ก็จะระงับการใช้ชื่อนี้จดทะเบียนนิติบุคคลทันที จึงขอฝากให้กลุ่มบุคคล หรือสำนักงาน ที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนให้ช่วยกันทำตามที่กฎหมายกำหนด เพราะตัวแทนเอง ก็อาจจะเป็นเครื่องมือให้กับมิจฉาชีพก็ได้ และยิ่งถ้าพบความเสียหายเกิดขึ้นในภายหลัง ต้องรับผิดชอบทั้งทางแพ่งและอาญาด้วย