
จากการสืบเสาะหาเหตุผลการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ตั้งข้อสังเกตถึง “การส่งออกทองคำจากไทยไปกัมพูชาจำนวนมากผิดปกติ” และตั้งข้อสงสัยว่า “ทองคำ” เหล่านี้ น่าจะเป็นคำสั่งซื้อของกลุ่มบรรดาทุนสีเทาที่ต้องการฟอกขาว “เงินเทา” ที่ได้มาด้วยการซื้อ “ทองคำ”
และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาการแถลงข่าวการตั้งคณะทำงาน Zero Corruption : กกร.และเพื่อนไม่ทน ยังระบุว่า หากปล่อยให้เกิดการคอร์รัปชันอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยจะกลายเป็นหนึ่งในฐานฟอกเงินใหญ่ที่สุดในภูมิภาค หรืออาจติดระดับโลก รวมทั้งตั้งข้อสังเกตถึงธุรกิจสีเทาจำนวนมากที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย
ทำให้มีเสียงเรียกร้องให้รัฐแก้ไขปัญหา “ธุรกิจสีเทา” ทั้งการปราบเว็บพนันออนไลน์ แก๊งสแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเร่งด่วน และมักมีข้อความฝากถึงแบงก์ชาติให้เร่งตามรอยเส้นทางเงินเทาๆที่ไม่อาจระบุที่มา ติดตามบัญชีต้องสงสัย เพื่อเชื่อมโยงไปยัง เครือข่ายทุนสีเทาที่ซ่อนตัวอยู่ในระบบเศรษฐกิจ
ล่าสุด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ธปท.ได้พยายามแก้ปัญหาดังกล่าว โดยระบุว่าตั้งแต่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้สั่งให้แบงก์พาณิชย์ส่งรายงานธุรกรรมการเงินต้องสงสัย เช่น การโอนเงินเกินกว่า 500,000 บาทต่อบัญชี ธุรกรรมเงินสด หรือการฝากเงินเข้าบัญชี เกิน 2 ล้านบาท ธปท.ก็ไม่ได้รับรายงานเหล่านี้ แต่เพื่อให้ติดตามเส้นเงินสีเทาต้องสงสัยได้มากขึ้น
ผู้ว่าการแบงก์ชาติ “วิทัย รัตนากร” กล่าวว่า “ธปท.จะกลับมาเข้มงวดการรายงานข้อมูลการโอนเงินที่ผิดปกติ โดยออกกฎเกณฑ์การกำกับสถาบันการเงินเพิ่มเติมให้ธนาคารพาณิชย์กลับมารายงานธุรกรรมที่ต้องสงสัยมาให้ ธปท.เพื่อใช้ดำเนินการเป็นกรณีพิเศษ เช่น กรณีมีเงินก้อนใหญ่ถูกโอนเข้าและออกจากบัญชีเกือบจะทันที หรือบัญชีที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์พนันออนไลน์”
ธปท.ยังเตรียมออกหลักเกณฑ์ยกระดับการทำความรู้จักลูกค้า (KYC/CDD) ของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้เข้มข้นขึ้น ยกระดับการกำกับผู้ให้บริการ e-Wallet และ Money Transfer Agent ให้เทียบเท่าธนาคารพาณิชย์ ซึ่งต้องมีระบบการตรวจจับและรายงานบัญชีต้องสงสัยอย่างเข้มข้นรวดเร็ว ขณะที่ผู้ให้บริการแลกเงินตราต่างประเทศก็ต้องเพิ่มศักยภาพการตรวจสอบธุรกรรมผิดปกติ และมาตรฐานการให้บริการลูกค้า ให้ตามหารอยได้ง่ายขึ้นด้วย และหากเป็นไปได้อาจจะให้สถาบันการเงินหน่วงเงิน ไปจนถึงอายัดบัญชีในลักษณะใกล้เคียงกับบัญชีม้า
ส่วนการตามหา “เงินเทา” ในการซื้อขายทองคำนั้น ธปท.กำลังหาหนทางที่จะมีข้อมูลธุรกรรมซื้อขายทองคำต่างประเทศ เช่น การซื้อขายทองคำระหว่างต่างประเทศด้วยกันเอง การทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อซื้อขายทองคำ ผ่านบริษัทในเครือของบริษัทไทยที่ตั้งในต่างประเทศ รวมทั้งการซื้อขายทองคำด้วยเงินคริปโต จากที่รู้ข้อมูลแค่การซื้อขายทองคำในต่างประเทศผ่านธนาคารในไทย โดยเฉพาะเมื่อการซื้อขายทองคำทำผ่านแอปพลิเคชันมากขึ้นๆ
ทั้งหมดนี้ “ไม่ง่าย แต่ต้องหาทางที่จะทำ” และหากทำได้บางส่วนก็ถือว่าดีกว่า “วางเฉย “ปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจไทยกลายเป็นฐาน “ฟอกขาวให้เงินเทา” ทั่วโลก.
มิสเตอร์พี
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม