ตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกลโตสุดๆ

นางจิระวดี คุณทรัพย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล (Long Haul) ช่วงปี 2567–2569 พลิกฟื้นในอัตราสูง โดยเฉพาะตลาดยุโรปที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาตลาดระยะไกลทั้งหมด สะท้อนแรงส่งจากฟื้นตัวของดีมานด์ท่องเที่ยวทั่วโลก และกลยุทธ์ด้านสายการบินที่เข้มข้น หลังประเทศต่าง ๆ แห่เปิดเส้นทางบินตรง–เชื่อมไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ในปีนี้ตลาด Long Haul หรือตลาดระยะไกลโตสุด ๆ ไปเลย โดยยุโรปเป็นตลาดที่สดใสสุด ๆ ทำให้ตัวเลขรวมของปีที่ผ่านมาและปีหน้าเติบโตแรงต่อเนื่องจนสร้างระดับสถิติใหม่ในหลายหมวดสำคัญ”

ทั้งนี้ สำหรับตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลางและแอฟริกา ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยรวมถึง 9,790,056 คน เพิ่มขึ้นถึง 8.6% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนโควิด และสร้างรายได้กว่า 588,632 ล้านบาท ทำลายสถิติเดิมของปี 2562 ซึ่งเคยเป็นปีดีที่สุด ก่อนเกิดโควิด-19 ตอนนั้นมี 9,015,157 คน รายได้และจำนวนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว สะท้อนการกลับมาของกำลังซื้อระดับพรีเมียม ทั้งจากยุโรป สหรัฐฯ แคนาดา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รวมถึงพฤติกรรมใหม่ของนักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับ “ความคุ้มค่า” ที่วัดจากคุณภาพประสบการณ์ ไม่ใช่เพียงราคาถูก ขณะที่พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวสหราชอาณาจักรขยายตัวโดดเด่นด้วยการมองหาเมืองท่องเที่ยวที่ไม่แออัด และช่วงเดินทางแบบ Off-Peak ทำให้เมืองรองและปลายทางใหม่ของไทยได้รับความสนใจมากขึ้น

ขณะที่ในปี 2568 ททท.คาดว่าตลาดจะเติบโตแรงเป็นปีที่สองติดต่อกัน โดยประเมินว่า จะมีนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกลเดินทางมาไทย กว่า 11,096,052 คน เติบโตจากปี 2567 ที่ 13% สร้างรายได้ 668,885 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% แรงส่งสำคัญมาจากการขยายเที่ยวบินจากยุโรปและอเมริกา โดยสายการบิน Norse Atlantic เปิดเส้นทางใหม่ 5 เส้นทางเข้ากรุงเทพฯ และภูเก็ต รวมถึง British Airways ที่เพิ่มเที่ยวบินฤดูร้อน ขณะที่สายการบินตะวันออกกลางเริ่มขยายฐานสู่จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เชียงใหม่และกระบี่ ส่วนตลาดเกิดใหม่อย่างอุซเบกิสถาน–เบลารุส เริ่มเห็นเที่ยวบินประจำและเช่าเหมาลำเพิ่มขึ้น ทำให้โครงสร้างผู้โดยสารขยายตัวกว้างขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิดอย่างชัดเจน

ส่วนในปีหน้า 2569 ยังคงสดใสต่อเนื่อง คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล เดินทางมาไทยประมาณ 11,666,600 คน เพิ่มขึ้น 5% จากปี 2568 และสร้างรายได้รวมกว่า 700,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 10% สอดคล้องกับการเติบโตของกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่แสวงหาประสบการณ์เชิงลึก เช่น Wellness, การท่องเที่ยวเชิงจุดหมาย (Y-Cation), Micro-Retirement และประสบการณ์ท้องถิ่นแบบเรียล ทั้งนี้ข้อมูลจาก Expedia ระบุว่า ความต้องการที่พักนอกเมืองท่องเที่ยวหลักเพิ่มขึ้นถึง 18% ในปีที่ผ่านมา หนุนโอกาสของเมืองรองและชุมชนท่องเที่ยว โดยเฉพาะเกาะสมุยที่ได้รับกระแสแรงจากซีรีส์ White Lotus ทำให้ดีมานด์นักท่องเที่ยวอเมริกันเพิ่มขึ้นชัดเจน

ททท.เน้นว่าการเติบโตของตลาด Long Haul จำเป็นต้องวางรากฐานด้านซัพพลายให้แข็งแรง โดยเฉพาะการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สินค้า และโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมเสนอแนวคิดการพัฒนา เมืองรองแบบ “คลัสเตอร์” แทนโครงสร้างเดิมที่มี 55 เมือง เช่น การเชื่อมโยง นครศรีธรรมราช–สุราษฎร์ฯ–สมุย–ขนอม โดยใช้สุราษฎร์ฯ เป็นฮับหลัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายตัวของนักท่องเที่ยว พร้อมกันนี้ ททท.เตรียมปรับปรุงระบบข้อมูลท่องเที่ยวบน Web Portal ให้มีความทันสมัย เพื่อรองรับการใช้ AI และเทคโนโลยีวางแผนการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้สินค้าท่องเที่ยวไทยมีข้อมูลที่สอดคล้องกับตลาดและตอบโจทย์ความต้องการผู้เดินทางทั่วโลกมากขึ้นในระยะยาว