
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมฯ กำลังปฏิรูประบบเงินรางวัลนำจับครั้งใหญ่ โดยขณะนี้ได้ยกร่างระเบียบการจ่ายเงินรางวัลในการจับกุม ซึ่งมีสาระสำคัญ คือ การไม่ให้เจ้าหน้าที่ผู้บริหารระดับสูง ที่มีอำนาจในการวินิจฉัยคดี ตั้งแต่ระดับ 9 ขึ้นไป ได้แก่ อธิบดี รองอธิบดี ที่ปรึกษา ผู้อำนวยการสำนัก และผู้เชี่ยวชาญ รับเงินสินบนและเงินรางวัลนำจับโดยเด็ดขาด
สำหรับระบบเงินสินบนและรางวัลนำจับของกรมศุลกากรมีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2469 และมีการแก้ไขล่าสุดเมื่อปี 2560 ที่ลดอัตราเงินรางวัลจาก 30% เหลือ 20% และจำกัดเพดานสูงสุดที่ 5 ล้านบาทต่อคดี อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังคงถูกมองว่ามีเงินรางวัลสูง และหลายประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกา มองว่าเป็นปัญหาด้านผลประโยชน์ทับซ้อน ตลอดจนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ก็เคยแสดงความกังวลว่า การจ่ายเงินรางวัลนี้อาจไม่โปร่งใส และเจ้าหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจับกุมอาจได้รับประโยชน์ กรมฯจึงได้ปฏิรูปใหม่
“ระยะสั้น จะใช้อำนาจอธิบดีในการออกระเบียบ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงรับเงินรางวัลนำจับก่อน ซึ่งขณะนี้ได้ประชุมไปแล้วหลายครั้ง และกำลังยกร่างเสนอให้ รมว.คลังพิจารณา เพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้เดือนธ.ค.68 และในระยะยาวกรมศุลฯ ยังอยู่ระหว่างรอการแก้ไขกฎหมายในระดับ พ.ร.บ.ศุลกากร เพื่อแก้กฎหมายในสภา ต่อไป”
นายพันธ์ทอง กล่าวต่อว่า การแก้ไขกฎหมายศุลกากร เรื่องการยกเลิกจ่ายเงินรางวัลนำจับสำหรับเจ้าหน้าที่ จะเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างธรรมาภิบาลโดยเริ่มต้นจากผู้บริหารระดับสูง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในกระบวนการทั้งหมด ได้แก่ สั่งการจับกุม วินิจฉัยคดี ว่าเอกชนมีความผิดหรือไม่ อนุมัติการเปรียบเทียบปรับ เป็นต้น ซึ่งในแต่ละปีจะมีรางวัลนำจับหลายร้อยล้านบาท และเจ้าหน้าที่ระดับสูงก็มีโอกาสได้รับรางวัลนำจับได้มากถึง 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 4 และที่สำคัญยังมีการแก้ไขกฎหมายศุลกากรในระยะยาว เพื่อให้การจ่ายเงินรางวัลนำจับเป็นไปตาม มาตรฐานโลก โดยการส่งคดีให้ ศาลเป็นผู้สั่งจ่ายเงินรางวัล แทนที่กรมศุลกากรจะสั่งจ่ายเอง เพื่อสร้างความโปร่งใสสูงสุดและยุติปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนที่อยู่คู่กับระบบมานานกว่า 100 ปี