ปตท.ปรับพอร์ตลดเสี่ยงเน้นลงทุนปลอดภัย เดินเกมพลังงานอนาคต

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ปตท.ปรับพอร์ตลดเสี่ยงเน้นลงทุนปลอดภัย เดินเกมพลังงานอนาคต

Date Time: 20 พ.ย. 2568 08:43 น.

Summary

ปตท.โชว์ฐานะแข็งแกร่งแม้เศรษฐกิจโลกกดดัน กำไร 9 เดือนลดเหลือ 64,632 ล้านบาท แต่ยังถือเงินสดกว่า 4 แสนล้าน เดินหน้าลงทุนปลอดภัย พร้อมเร่งปักธงธุรกิจก๊าซ LNG เป้าขาย 10 ล้านตัน ปี 2573

Latest

ผู้ว่า กฟผ.คนใหม่เปิดวิชั่นปี69 ประกาศลั่น! ลุยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก

นายคงกะพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แถลงผลการดำเนินงาน 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.68) ว่า ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 64,632 ล้านบาท ลดลง 16,129 ล้านบาท หรือลดลง 20% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากระดับราคาน้ำมันและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ถูกกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจโลก ขณะที่ผลการดำเนินการไตรมาส 3 ปี (ก.ค.-ก.ย. 68) ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 19,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,460 ล้านบาท หรือ 21.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน


อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ปตท. สามารถดำเนินงานตามแผนงานได้ทุกมิติ โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 257,957 ล้านบาท และมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นในระดับที่แข็งแกร่ง จำนวน 413,718 ล้านบาท รองรับการลงทุนและสภาพคล่องในระยะยาว โดยจะเน้นการลงทุนที่ปลอดภัยและมั่นคง


“ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา เปรียบเสมือนกลุ่ม ปตท. ได้ผ่านบททดสอบท่ามกลางความท้าทาย และตอกย้ำการเดินกลยุทธ์ที่แม่นยำภายใต้การประเมินสถานการณ์ที่รอบคอบ และวิสัยทัศน์ที่ถูกทาง ดูแลผู้มีส่วนได้เสียอย่างสมดุล สร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นสวนกระแสเศรษฐกิจที่ถดถอย สามารถจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.90 บาทต่อหุ้น”


นายคงกะพัน กล่าวย้ำว่า ภารกิจสำคัญของ ปตท. คือ การสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศไทย ตามกลไกราคาที่เหมาะสม แข่งขันได้ และมีความยั่งยืนควบคู่ไปด้วย ปตท. จึงมุ่งเน้นในสิ่งที่มีความถนัด ภายใต้กลยุทธ์เร่งสร้างความแข็งแรงและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon) อาทิ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ปิโตรเคมี ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ ปตท. ควบคู่กับการลดก๊าซเรือนกระจก


ขณะที่ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ สามารถทำการค้าและการลงทุนก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ถือเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่มีอนาคต เพราะจะเป็นเชื้อเพลิงในอีก 30 ปีข้างหน้า ซึ่ง ปตท.ทำธุรกิจซื้อมาขายไปก๊าซแอลเอ็นจีในตลาดโลก โดยในช่วง 9 เดือน ปี 68 ขายได้กว่า 2.2 ล้านตัน และอยู่ระหว่างลงนามสัญญาอีก 1.6 ล้านตัน ซึ่งตามแผนงานแล้ว ปตท. โดยปี 73 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 10 ล้านตัน และในปี 78 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 15 ล้านตัน


ส่วนธุรกิจ Non-Hydrocarbon หรือไม่ใช่ธุรกิจหลัก จะลดบทบาทธุรกิจลง ด้วยการปรับพอร์ตการลงทุนด้วยการลดสัดส่วนการลงทุนเพื่อให้มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ทั้งในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจยา และธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก ซึ่งที่ผ่านมาสร้างรายได้ให้ ปตท. 15,000 ล้านบาท และมีกำไร 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการบริหารสินทรัพย์เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดและปรับโครงสร้างสินทรัพย์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ