ฟื้นทันหรือไม่ทัน : พยุงสั้น–รอผลยาว

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ฟื้นทันหรือไม่ทัน : พยุงสั้น–รอผลยาว

Date Time: 18 พ.ย. 2568 04:17 น.

Summary

หากเป็นไปตามไทม์ไลน์ “20 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายในเวลา 4 เดือนก่อนยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่” ของรัฐบาลนายกฯหนู “อนุทิน” ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่เดือน ต.ค.68 ถึงเดือน ม.ค.69 ตลอดเดือนพ.ย.นี้

Latest

จีดีพีเกษตรไทยปี 68 โต 3.3% รับฝนดี–น้ำเพียงพอ-เกษตรกรพร้อมปรับตัว

หากเป็นไปตามไทม์ไลน์ “20 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายในเวลา 4 เดือนก่อนยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่” ของรัฐบาลนายกฯหนู “อนุทิน” ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่เดือน ต.ค.68 ถึงเดือน ม.ค.69 ตลอดเดือน พ.ย.นี้ ถือเป็นจุดพีก เพราะเราจะเห็นการคลอดโครงการเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจออกมามากที่สุด

โดยโครงการที่ผ่านการพิจารณาของ ครม.เศรษฐกิจไปแล้ว ประกอบด้วย มาตรการแก้หนี้ประชาชนที่มีภาระหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท ผ่านกลไกการบริหารหนี้เสีย (AMC) โดยตกลงกันว่าซื้อหนี้เสียที่ขาดส่งเกิน 3 เดือน ของประชาชน ณ วันที่ 30 ก.ย.68 ไปบริหารจัดการ ด้วยการยกดอกเบี้ย และค่าปรับ ลดต้นเงินบางส่วน เพื่อช่วยให้ลูกหนี้ปิดจบหนี้ได้

อย่างไรก็ตาม หลังจาก ครม.อนุมัติแล้ว กระบวนการรวบรวมหนี้เสียที่เข้าเกณฑ์ พิจารณาคุณภาพหนี้แต่ละส่วน และตั้งราคาที่เหมาะสมในซื้อขาย ซึ่งผู้ว่าการแบงก์ชาติระบุไว้ว่าจะเป็น “ราคาตลาด” นั้นจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง โดยคาดว่าจากการทำมาตรการนี้ จะทำให้ลูกหนี้ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้รอบใหม่ในช่วงต้นปีหน้า

ตามมาด้วย มาตรการของกระทรวงพาณิชย์ ในการดูแลราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาสินค้าเกษตร ซึ่งจะมีความยากมากขึ้นจากปัญหาอุทกภัยที่มีความรุนแรง ต่อมาเป็นโครงการเพิ่มองค์ความรู้และทักษะใหม่ๆ Upskill/Reskill ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส โดยร้านค้าจะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ 20% ของยอดขายในช่วงวันที่ 19 พ.ย.-19 ธ.ค.สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท คาดว่าจะมีร้านค้าเข้าร่วม 400,000 ราย และรัฐจะจ่ายเงินให้ในวันที่ 25 ธ.ค.

นอกจากนี้ ยังมีโครงการยกระดับทักษะด้านดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์เพื่อคนไทย มีเป้าหมายให้คนไทย 5 ล้านคนใช้งาน AI ฟรี 1 ปี และยังจะมีการนำเสนอแผนการคลังระยะปานกลาง (MTFF) ที่มีเป้าหมายจะปรับลดดุลการคลังให้ขาดดุลไม่เกิน 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2572

ส่วนโครงการที่จัดทำอยู่และคาดว่าจะเสนอ ครม.เศรษฐกิจได้ในเดือนนี้ จะมีการออกแพ็กเกจช่วยเหลือเอสเอ็มอี ซึ่งมีทั้งมาตรการทางภาษี มาตรการสนับสนุนการซื้อสินค้าไทย การให้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ และการค้ำประกันสินเชื่อ ขณะที่คาดว่าจะมีมาตรการของกระทรวงอุตสาหกรรมและพลังงานออกมาในส่วนการผลิต และพลังงานสะอาดด้วย

ขณะที่ในเชิงโครงสร้าง จะมีมาตรการทางการคลังเพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจระยะยาว มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่ออนาคต และโครงการ Business Transformation ที่จะช่วยภาคเอกชนปรับตัวสู่ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ

ทั้งนี้ หากมาตรการเหล่านี้ออกมาได้ตามเวลา “มิสเตอร์พี” มองว่า น่าจะช่วยเพิ่มพลังเศรษฐกิจไทยได้ในระดับหนึ่ง แต่ต้องทำความเข้าใจว่าทุกมาตรการที่กล่าวมายังต้องใช้เวลาในการดำเนินการระยะหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นเดือนหรือหลายเดือนถึงจะเห็นผล โดยมองว่า ส่วนใหญ่จะเห็นดอกผลเก็บเกี่ยวกินได้ก็ในช่วงต้นปีหน้า

ดังนั้น 2 เดือนก่อนสิ้นปีนี้ คงต้องลุ้นอานิสงส์ผลดีจาก “โครงการคนละครึ่งพลัสและเที่ยวดีมีคืน” ว่าจะเพียงพอที่ช่วยให้การใช้จ่ายของคนไทยสะพัด รอโครงการใหม่ๆ มาหมุนเศรษฐกิจต่อไปข้างหน้า.

มิสเตอร์พี


คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ