
Moody’s และ FitchRatings ปรับ Outlook เครดิตไทยเป็น Negative จากความกังวลหนี้สาธารณะและขาดดุลการคลัง
ปีนี้มีหลายสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถืออย่าง Moody’s และ FitchRatings ปรับแนวโน้มเครดิตประเทศไทย หรือ Outlook จาก “เสถียรภาพ” (Stable) กลายเป็น “เชิงลบ” (Negative) แต่วันนี้ยังมีข่าวดีจากกระทรวงการคลังที่ประกาศว่า S&P Global Ratings ยังคงสถานะให้ไทย มีเสถียรภาพเหมือนเดิม
แต่ประเทศไทยวางใจได้แค่ไหน และทำไมต่างชาติถึงมองว่าการคลังของไทยเสี่ยงสูงขึ้น
ในสายตาของ Moody’s และ FitchRatings ที่ปรับลด Outlook ของประเทศไทยลงก็เพราะความกังวลต่อฐานะการคลังของไทย สอดคล้องกับมุมมองของศูนย์วิจัยกสิกรไทยว่า ฐานะการคลังของไทยอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องหลังวิกฤตโควิด-19 และอาจเป็นปัจจัยหลักที่นำไปสู่การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า
ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยอาจเติบโตเพียง 2% ต่อปีในระยะข้างหน้า แต่ฐานะการคลังของไทยยังอ่อนแอกว่าประเทศอื่นในกลุ่มอันดับเดียวกัน (BBB+ หรือ Baa1) เห็นได้ชัดจาก
1) หนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นรวดเร็ว คาดว่าปี 2570 จะแตะกรอบเพดาน 70% จากเดือน ก.ย.68 อยู่ที่ 64.8% นอกจากนี้ไทยยังมีภาระหนี้ของรัฐบาลที่ยังไม่ปรากฏในหนี้สาธารณะอีก 8.7 แสนล้านบาท คิดเป็น 5% ของ GDP ไทย
(แบ่งสัดส่วนเป็น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส: 85.5%, บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย.: 8.4%, ธนาคารออมสิน: 4%)
2) การขาดดุลการคลังที่ยังสูงต่อเนื่อง และในอนาคตอาจยังอยู่สูงกว่า -4.0% ของ GDP จากรายจ่ายงบประมาณที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เช่น รายจ่ายสวัสดิการสังคม และอื่นๆ
จากปัญหาทั้งหมดนี้ รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการทบทวนแผนการคลังระยะปานกลาง ซึ่งน่าจะเห็นรายละเอียดแผนลดการขาดดุลการคลังที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งการแก้ปัญหานี้ก็เพื่อลดความเสี่ยงที่ไทยจะถูกลด Credit Rating ลง
“Credit Rating เปรียบกับตอนที่เราไปขอกู้เงินจากธนาคาร แบงก์จะมี Credit Scoring (คะแนนเครดิต) เพื่อดูว่าเรามีความเสี่ยงมาก-น้อยแค่ไหนในการชำระหนี้คืน” ณัฐพร กล่าว
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยกตัวอย่าง ประเทศอิตาลีที่เคยถูกปรับ Outlook ลงในช่วงปี 2565 ในช่วงนั้นแม้ยังไม่โดนปรับลด Rating จึงเร่งดำเนินนโยบายลดขาดดุลอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ลดการขาดดุลจาก 8.0% เหลือต่ำกว่า 4.0% ของ GDP ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี
ลดรายจ่าย
เพิ่มรายได้
ดังนั้นประเทศไทย สิ่งที่สามารถปรับใช้เพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลการคลัง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีแนวทางเพิ่มรายได้ของภาครัฐ เช่น
นอกจากนี้ การใช้ Negative Income Tax (เมื่อยื่นภาษีผู้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์จะได้รับเงินอุดหนุน) คาดว่าจะช่วยให้กลุ่มคนนอกฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาซึ่งมีอยู่ 29 ล้านคนในไทย เข้าสู่ระบบมากขึ้นทั้งสร้างฐานข้อมูลและขยายฐานภาษี
อ่านข่าวด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney