
ครม. ปรับเพดานนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2569 เป็น 1 ล้านตัน ภาษี 0% จากการเจรจา US Reciprocal Tariffs
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้พิจารณาการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประจำปี 2569 ซึ่งมีการปรับเพดานการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จาก 54,700 ล้านตันในอัตราภาษี 20% ต่อปี เป็น 1 ล้านตันต่อปี ในอัตราภาษี 0% ซึ่งกรอบนี้เกิดขึ้นจากการเจรจา US Reciprocal Tariffs หรือภาษีตอบโต้กับของสหรัฐฯ ที่รัฐบาลชุดที่แล้วไปเจรจา โดยกระทรวงพาณิชย์รายงานว่าการนำเข้าโควต้าข้าวโพดอาจกระทบต่อเกษตรกรและราคาข้าวโพดในภาพรวม ซึ่งในข้อเท็จจริงประเทศไทยมีความต้องการใช้มากกว่าปริมาณการผลิตในประเทศ ดังนั้น การทำให้ราคมีเสถียรภาพจำเป็นต้องมีมาตรการบริหารจัดการ
ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ขอสงวนความเห็น เนื่องจากกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ครม.จึงมีมติให้ปรับแผนที่เดิมทำมาเปิดโควตาให้นำเข้าได้ วันที่ 1 ก.พ.-31 ส.ค.ของทุกปี เนื่องจากผลิตในประเทศจะเริ่มออก ก.ย.-ธ.ค.จึงให้นำเข้าช่วงไทยไม่มีผลผลิต แต่ ร.อ.ธรรมนัส มีความกังวล จึงขอปรับเกณฑ์ใหม่ให้นำเข้าจากสหรัฐฯได้ 1 ก.พ.-30 มิ.ย.ซึ่งเป็นช่วงก่อนผลผลิตของไทยจะออก 2 เดือนจะช่วงตรึงราคาได้และให้ปรับสัดส่วนการนำเข้าจากแต่ก่อนนำเข้าโดยภาครัฐเป็นเอกชนนำเข้าได้แต่ต้องซื้อผลผลิตไทย 3 ส่วนต่อการนำเข้า 1 ส่วน จึงจะช่วยรักษาเสถียรภาพราคาและช่วยเกษตรกรได้
นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาและส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2568/69 รวม 4 โครงการ วงเงินประมาณ 244.5 ล้านบาท
ร.อ.ธรรมนัส เปิดเผยว่า ที่แสดงความไม่เห็นด้วยในการประชุม ครม. เพราะเป็นห่วงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรในประเทศ และเป็นจุดยืนของกระทรวงเกษตรฯมาโดยตลอด เกรงจะมีผลกระทบให้ราคาตกต่ำลงอีก การนำเข้าเพิ่มเติมจะยิ่งทำให้ราคาตกต่ำลง ซ้ำเติมความเดือดร้อนของเกษตรกรไทย รวมทั้งเป็นห่วงข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรม (GMO) ที่หากนำมาใช้เลี้ยงสัตว์แล้ว อาจส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าที่ต่อต้าน GMO ทำให้สินค้าเกษตรของไทยอาจไม่ได้รับการยอมรับและไม่รับซื้อ จะกระทบต่อการส่งออกปศุสัตว์ของไทยได้ จึงได้เสนอให้ย่นระยะเวลาการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลง และจะใช้มาตรการตรวจสอบย้อนกลับอย่างเข้มข้นสำหรับข้าวโพดที่นำเข้า