รับมือ “แอบอ้างสินค้าไทย” ส่งออกไปสหรัฐฯ

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

รับมือ “แอบอ้างสินค้าไทย” ส่งออกไปสหรัฐฯ

Date Time: 11 พ.ย. 2568 06:30 น.

Summary

ครม.วันนี้ (11 พ.ย.) ถกมาตรการรับมือภาษีตอบโต้สหรัฐฯ 19% เดินหน้า “RVC-Up” ใช้ AI ตรวจถิ่นกำเนิดสินค้า-คุมเข้มนอมินี ป้องกันแอบอ้างถิ่นกำเนิดไทยส่งออกไปสหรัฐฯ

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (11 พ.ย.) จะพิจารณาเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์เสนอผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นมาตรการเร่งด่วน เพื่อปกป้องตลาดส่งออกสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 55,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.77 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 18% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย หลังสหรัฐฯใช้มาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff : RT) จัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทยที่ 19% ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.68 อีกทั้งสหรัฐฯยังเข้มงวดตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดจากไทยส่งออกไปสหรัฐฯ หากพบว่า มีการนำสินค้าจากประเทศอื่นมาแอบอ้างไทยส่งออกไปสหรัฐฯ อาจถูกเก็บภาษีนำเข้าถึง 40% ซึ่งจะกระทบขีดความสามารถการแข่งขันและรายได้จากการส่งออก

ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเกณฑ์พิจารณาถิ่นกำเนิดสินค้าจากเดิมที่ดูจากกระบวนการผลิต (Substantial Transformation) มาเป็นการพิจารณาสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในไทย (Local Content) หรือสัดส่วนการใช้วัตถุดิบสะสมจากประเทศพันธมิตรของไทย (RVC) เช่น อาเซียน สมาชิกในกรอบความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทย และสหรัฐฯ เพื่อป้องกันการเลี่ยงภาษีผ่านการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย กระทรวงพาณิชย์ จึงทำโครงการ “RVC-Up เพิ่ม Local Content ไทย สร้างโอกาสใหม่ในตลาดสหรัฐฯ” ช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 68 ครอบคลุมผู้ประกอบการ 6,000 ราย

โดยโครงการนี้แบ่งเป็น 3 มาตรการ คือ 1.UP System พัฒนาระบบตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดระยะเวลาการตรวจสอบคำขอรับรองส่งออก คาดว่า จะใช้งบประมาณ 12.9 ล้านบาท จากงบกลางปี 69 2.UP Knowledge เสริมความรู้ผู้ประกอบการเกี่ยวกับกฎใหม่ของสหรัฐฯ และ 3.UP Fund สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษแก่ผู้ประกอบการ ที่เพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศ ใช้งบ 7.6 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังจะเฝ้าระวังธุรกิจนอมินีและต่างชาติฝ่าฝืนกฎหมาย หลังพบมีการใช้บริษัทนอมินีสวมสิทธิ์ส่งออกสินค้าแทนคนไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย (คสธก.) มี นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยมาตรการทั้งหมดจะยกระดับกลไกคุ้มครองผู้ส่งออกไทยให้แข่งขันได้อย่างโปร่งใส ป้องกันการถูกลงโทษทางภาษีจากต่างประเทศ และรักษาความน่าเชื่อถือสินค้า “เมด อิน ไทยแลนด์” ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดหลักที่มีบทบาทต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ