
รมว.พาณิชย์ มอบนโยบาย สคต. จีน 9 แห่ง ขยายการส่งออกสินค้าไทยสู่ตลาดจีน
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายแก่ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ในประเทศจีนทั้ง 9 แห่ง ได้แก่ สคต.ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว ชิงต่าว เซี่ยเหมิน เฉิงตู คุนหมิง และหนานหนิง รวมถึงสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงปักกิ่ง ในระหว่างการเข้าร่วมพิธีเปิดงานแสดงสินค้า China International Import Expo 2025 (CIIE 2025) ที่เซี่ยงไฮ้ ว่า มอบหมายให้สำนักงานในจีนทุกแห่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เชิงรุก เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและเพิ่มยอดส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีน
ทั้งนี้เพราะจีนเป็นตลาดส่งออกสินค้าอันดับ 1 ของไทย โดยช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ปี 68 มีมูลค่าการค้าระหว่างกันถึง 108,639.31 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 28.08% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปี 67 โดยไทยส่งออก 30,667.72 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 16.13% สะท้อนถึงศักยภาพสินค้าไทยในตลาดจีนที่ยังเติบโตได้อีกมาก
“วันนี้ผู้บริโภคจีนให้ความสำคัญกับนวัตกรรม คุณภาพ และความยั่งยืน ไม่ใช่ราคาถูกอีกต่อไป ทูตพาณิชย์จึงต้องเข้าใจและวิเคราะห์ให้ได้ว่า แต่ละมณฑลของจีนมีโอกาสและความท้าทายอย่างไร เพื่อกำหนดกลยุทธ์เจาะตลาดที่ตรงจุด และยังต้องเร่งสร้างพันธมิตรลงทุนร่วมกัน เพื่อพัฒนาและผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคแต่ละภูมิภาค ไม่ใช่แค่เจรจาจับคู่ธุรกิจ หรือหาผู้กระจายสินค้าอย่างเดียว”
นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงแนวทางปรับกลยุทธ์การผลักดันการส่งออกของไทย ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว นวัตกรรม เทคโนโลยี และการเพิ่มรายได้ของชนชั้นกลาง
“เราจะถอดรหัสแผนพัฒนา 5 ปีของจีน เพื่อดูว่า ไทยสามารถตอบโจทย์ได้ตรงจุดไหน เช่น สินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสัตว์เลี้ยง อาหารสุขภาพ เกม และสินค้าดิจิทัล เพราะจีนต้องการขยายกลุ่มประชากรที่มีรายได้ปานกลางจาก 400 ล้านคน เป็น 800 ล้านคน นั่นหมายถึงตลาดมหาศาลที่ไทยต้องเข้าให้ถึง”
ขณะเดียวกัน ยังได้หารือกับภาคเอกชนไทยที่ดำเนินธุรกิจในจีน เพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการดำเนินธุรกิจในจีน โดยเอกชนเสนอให้รัฐสนับสนุนด้าน e-commerce การสร้างภาพลักษณ์สินค้าไทย และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ–เอกชนไทยกับรัฐบาลท้องถิ่นของจีน เพื่อขยายโอกาสทางการค้าในมิติใหม่ๆ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะคัดเลือกผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพสูง มาจับคู่กับพันธมิตรจีนที่มีความพร้อมในการลงทุนและทำตลาดร่วมกัน เพื่อให้ “สินค้าไทยครองใจผู้บริโภคจีน”
ขณะที่ผู้อำนวยการสคต.ในจีน ได้นำเสนอโอกาสและสินค้าเป้าหมายของไทยในจีน 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.สินค้าเกษตรและอาหาร เช่น ข้าว ผลไม้ไทย (ทุเรียน มะม่วง มังคุด) รวมถึงอาหารแปรรูป อาหารพร้อมรับประทาน และเครื่องปรุงรส 2.สินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เช่น อาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง 3.สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม เช่น รังนก โปรตีนจากพืช น้ำมะพร้าว ผลิตภัณฑ์สปา และบริการสุขภาพ 4.กลุ่มสินค้ารักษ์โลกและความยั่งยืน เช่น บรรจุภัณฑ์ย่อยสลาย เครื่องสำอางออร์แกนิก เสื้อผ้ารีไซเคิล ของแต่งบ้านจากวัสดุธรรมชาติ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ 5.สินค้านวัตกรรมและดิจิทัลคอนเทนต์ เช่น สินค้าทรัพย์สินทางปัญญา ภาพยนตร์ เกม แอนิเมชัน
นางศุภจี กล่าวอีกว่า งาน CIIE 2025 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นำผู้ประกอบการสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่มีศักยภาพ 60 บริษัทเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าและเจรจาการค้า ตั้งเป้าสร้างมูลค่าการเจรจาการค้าไม่ต่ำกว่า 220 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังได้จัดงานกาลา ไนท์ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมงาน CIIE 2025 กับผู้ซื้อและผู้นำเข้าจีน ก่อนเข้าสู่ช่วงเจรจาธุรกิจ เพื่อสร้างเครือข่ายการค้า และสร้างความคุ้นเคยระหว่างกัน โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 150 ราย