
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงนำผ้าไทยสู่เวทีโลกผ่านแบรนด์ SIRIVANNAVARI และได้รับรางวัลจาก UNESCO
ภาพการทรงพระดำเนินอย่างสง่างามสมพระเกียรติของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในชุดไทยอมรินทร์ ตัดเย็บจากผ้าไหมไทยสีดำ ซึ่งทรงฉลองพระองค์ เพื่อทรงร่วมพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์แกรนด์อีจิปเชียน (Grand Egyptian Museum) พิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ณ กรุงไคโร สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ท่ามกลางประมุข 60 ประเทศทั่วโลก
นอกจากจะทำหน้าที่เป็นภาพที่สะท้อนถึง “รากทางวัฒนธรรม” และ “รสนิยมระดับสากล” ของประเทศไทยแล้ว ขณะเดียวกัน ปฏิเสธมิได้ว่า ภาพนี้ยังเปี่ยมด้วยเรื่องราวของ “สองเจเนอเรชัน” ที่ร่วมกันวางรากและต่อยอด “ผ้าไทย” ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีมีจุดเริ่มต้นจากงานหัตถกรรมเชิงท้องถิ่น งานสร้างอาชีพระดับชุมชนของคนธรรมดาเท่านั้น
แต่ปัจจุบันได้กลายเป็น “สัญลักษณ์ของชาติ” เป็นภาษาของความงามระดับโลก ในฐานะสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่สร้างมูลค่าเศรษฐกิจในทางสร้างสรรค์ได้อย่างแท้จริง
อีกด้านหนึ่ง “ผ้าไทย” ก็ยังได้ถูกบอกเล่าด้วยดีไซน์แฟชั่นร่วมสมัย คอลเลกชันต่างๆ ผ่านแบรนด์ SIRIVANNAVARI ที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เป็นผู้ทรงก่อตั้ง และทรงเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แบรนด์อีกด้วย
ย้อนไป สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงมองเห็นคุณค่าของภูมิปัญญาชาวบ้าน ก่อนคำว่า “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” จะถือกำเนิดเสียด้วยซ้ำ
จาก “ผืนผ้าไหม” ที่เกิดขึ้นในท้องนา กิจกรรมส่งเสริมอาชีพให้ชาวนา ยามปลูกพืชไร่ไม่ได้ ด้วยการทรงสนับสนุนให้ชาวบ้านปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สาวไหม และ “ทอผ้าไหม” ไปพร้อมกันนั้น ได้กลายเป็น “ผืนผ้าแห่งศักดิ์ศรี” ที่ทรงผลักดันผ่าน “โครงการศิลปาชีพ” ให้ช่างฝีมือทั่วประเทศมีรายได้ มีอาชีพ และมีคุณค่าในสิ่งที่ตนทำ จวบจนถึงปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน ความสำคัญของ โครงการตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระพันปีหลวง ยังเป็นจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมผ้าไทยในวงกว้าง ซึ่งเป็นส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาจนถึงวันนี้ โดยข้อมูล ณ ปัจจุบัน ประเทศไทยมีนิติบุคคลธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผ้าไทย จำนวนทั้งสิ้น 3,416 ราย และมีมูลค่าทุนจดทะเบียนรวมสูงถึง 47,339 ล้านบาท
ขณะเกือบ 70% ของทุนจดทะเบียนรวมอยู่ในกลุ่ม “ผลิต” สะท้อนให้เห็นว่า อุตสาหกรรมผ้าไทยกำลังมุ่งไปสู่กลยุทธ์สินค้ามูลค่าสูง (High Value Strategy) โดยเน้นการควบคุมคุณภาพและการลงทุนในกระบวนการผลิตต้นน้ำที่ซับซ้อน
เช่น การทอแบบดั้งเดิมที่มีคุณภาพสูง หรือการย้อมสีจากธรรมชาติ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการรักษามาตรฐานความยั่งยืนและตอบสนองความต้องการของตลาดแฟชั่นพรีเมียมในต่างประเทศ เพราะอีกด้าน อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทย ก็มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก ผ่านมูลค่าการส่งออกในเดือนกันยายน 2568 สูงกว่า 504.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.84 หมื่นล้านบาท)
ในขณะที่รากแห่งภูมิปัญญานั้น ได้รับการวางไว้อย่างมั่นคงจากพระพันปีหลวง นานนับหลายสิบปี ปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ก็ได้ทรงต่อยอด “แนวพระราชดำริ” ให้ผ้าไทยก้าวข้ามขอบเขตของคำว่า “การอนุรักษ์” ไปสู่ “การสร้างสรรค์” อย่างมีชีวิตในโลกแฟชั่นร่วมสมัย
อาทิ โครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เป็นแนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาที่ทรงริเริ่มขึ้น เพื่อจุดพลังให้เกิดการขับเคลื่อนงานหัตถกรรมในทุกมิติ ทั้งรูปแบบ ลวดลาย สี ทำให้ผ้าไทยมีความทันสมัย คนนิยมใส่ผ้าไทยมากขึ้น จนสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนอย่างครบวงจร เป็นการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานอันยิ่งใหญ่ใน “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง“ หรือ สมเด็จย่าของพระองค์
อีกทั้งด้วยพระปรีชาสามารถด้านศิลปะและการออกแบบระดับสากล นำมาซึ่งการที่ทรงก่อตั้งแบรนด์ SIRIVANNAVARI ตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งแบรนด์ดังกล่าว เป็นมากกว่าแบรนด์แฟชั่น
แต่คือ “แพลตฟอร์มทางวัฒนธรรม” ที่นำผ้าไทยขึ้นสู่รันเวย์ระดับโลก ให้โลกได้เห็นว่า ผ้าไทยสามารถสง่างามไม่แพ้แฟชั่นใดในโลก แต่ยังคงเอกลักษณ์แห่ง “ความเป็นไทย” ที่ใครไม่อาจลอกเลียนได้
การยอมรับในระดับนานาชาติ สะท้อนจากการที่ล่าสุด พระองค์ทรงได้รับเหรียญสดุดีพระกรณียกิจ และประกาศเชิดชูพระเกียรติจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ณ กรุงปารีส และล่าสุด องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ยังถวายรางวัล ”ความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์ : WIPO Award for Creative Excellence 2025” เเด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI จากพระวิริยอุตสาหะและพระปรีชาสามารถอันเป็นที่ประจักษ์ในระดับนานาชาติ ด้านทรัพย์สินทางปัญญา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างสรรค์ผลงานลิขสิทธิ์ การออกแบบแฟชั่น และเครื่องหมายการค้า รวมถึงพระกรณียกิจในการส่งเสริมศักยภาพของช่างฝีมือท้องถิ่น นี่จึงถือเป็นการสร้างจุดยืนที่มั่นคงให้กับผ้าไทย ในฐานะสินค้าระดับโลกอย่างแท้จริง
ขณะเมื่อเดือนกันยายน ปี 2567 ที่ผ่านมา แบรนด์ SIRIVANNAVARI ก็ทำสถิติประวัติศาสตร์ด้วยการเข้าร่วมปฏิทินอย่างเป็นทางการของ Milan Fashion Week ซึ่งได้รับการรับรู้จากสื่อโลก และยืนยันตำแหน่งของแบรนด์ในหมู่แฟชั่นชั้นนำ
และนี่เองคือการยกระดับมรดกไทยสู่เวทีโลก และยืนยันถึงพระวิสัยทัศน์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ ที่ทรงอยากให้แบรนด์ไทยร่วมสมัยและเป็นสากล โดยมีรากฐานจากประเพณี ยืนอย่างสง่างาม
ปัจจุบันบทบาทของ SIRIVANNAVARI ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การออกแบบแฟชั่นชั้นสูง แต่ยังรวมถึงการสร้างมูลค่าร่วมกับชุมชนฐานราก ทรงขับเคลื่อนภารกิจร่วมกับยูเนสโก สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (SACIT) และ ICONCRAFT ในแคมเปญพิเศษ "UNESCO x SACIT x ICONCRAFT: A Celebration of Thai Artisans and Creative Cities"
โครงการนี้มุ่งเน้นการสนับสนุนช่างฝีมือและยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่นจาก 7 จังหวัดเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UCCN) เพื่อต่อยอดงานหัตถศิลป์สู่ผลงานร่วมสมัย ความสำเร็จของ “ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ในการสร้างมูลค่าหลายพันล้านบาท
จึงนับเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน โดยใช้พลังของการออกแบบระดับสูงในการสร้างทรัพย์สินทางปัญญาเชิงสร้างสรรค์ (Creative IP) ที่สามารถนำไปใช้เชิงพาณิชย์ได้อย่างกว้างขวางและส่งผลให้เกิดการกระจายความมั่งคั่งอย่างรวดเร็วไปยังชุมชนผู้ทอผ้ากว่า 100,000 ราย
ท้ายที่สุด จนอาจกล่าวได้ว่า แบรนด์ SIRIVANNAVARI ไม่เพียงแต่สร้าง “คอลเลกชัน” เท่านั้น แต่สร้าง “มรดก” ชิ้นใหม่ให้กับคนไทย ,สร้างพลังให้แก่ช่างฝีมือ ,สนับสนุนอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย และนำประเทศไทยสู่จุดสูงสุดของแฟชั่นหรู
จุดยืนหยัดที่เป็นทั้ง “สัญลักษณ์ของศิลปะ นวัตกรรม และความภาคภูมิใจทางวัฒนธรรม” ที่กำหนดอนาคตของแฟชั่นระดับสากลได้ แต่ก็ยังเคารพมรดกของตนเองไว้อย่างสง่างาม จนเป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์อีกหนึ่งด้านของไทยเรา
ทั้งนี้ ไทยรัฐกรุ๊ปเชิญชวนประชาชนคนไทยร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ผ่านบันทึกทางประวัติศาสตร์สำคัญ เพื่อทรงถ่ายทอดพระวิสัยทัศน์อันยาวไกลในการสร้างอัตลักษณ์ของชาติ และธำรงไว้ซึ่งมรดกศิลป์แผ่นดินไทย พบกับสกู๊ปพิเศษในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วางจำหน่าย 9-11 พฤศจิกายนนี้
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney