ลุ้น!! ศาลสูงสุดตัดสิน "ภาษีทรัมป์"

ด้านหนึ่งของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สนุกกับการ “บีบบังคับ” ให้คู่ค้ายอมเปิดโต๊ะเจรจาต่อรองผลประโยชน์ แลกกับการเสียภาษีตอบโต้อัตราต่ำ ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น

แต่อีกด้านหนึ่งคงลุ้นระทึก!! ศาลสูงสุดสหรัฐฯ (US Supreme Court) จะพิจารณา และมีคำตัดสินอย่างไรกับคดีที่รัฐต่างๆ และภาคเอกชนสหรัฐฯได้ฟ้องร้องประธานาธิบดีว่า

“การออกคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Orders) กำหนดภาษีนำเข้า และภาษีตอบโต้ โดยอ้างอำนาจตาม International Emergency Economic Powers Act 1977 (IEEPA) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะกฎหมาย IEEPA ไม่ได้ให้อำนาจประธานาธิบดีในเรื่องภาษีนำเข้าแต่อย่างใด”

โดยศาลชั้นต้น หรือศาลการค้าระหว่างประเทศ (CIT) ได้พิจารณาและตัดสินว่า กฎหมาย IEEPA ไม่ได้ให้อำนาจประธานาธิบดีเรื่องภาษีนำเข้า จึงถือว่า ประธานาธิบดีใช้อำนาจเกินที่กฎหมายกำหนด และสั่งระงับเก็บภาษีนำเข้า ทั้งภาษี Trafficking Tariff ที่เก็บกับสินค้านำเข้าจากจีน เม็กซิโก และแคนาดา และ Reciprocal Tariff ที่เก็บกับสินค้านำเข้าจากประเทศที่สหรัฐฯเสียดุลการค้า หรือที่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯสูงเกินไป

แต่ไม่รวมถึงมาตรการภาษี ที่ใช้อำนาจตามมาตรา 232 กฎหมายการค้าที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ เช่น เหล็กและผลิตภัณฑ์ อะลูมิเนียมและผลิตภัณฑ์ ทองแดง รถยนต์, มาตรา 201 ที่ขึ้นภาษีนำเข้าเซลล์แสงอาทิตย์ และเครื่องซักผ้า รวมถึงมาตรา 301 ที่ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน

และเมื่อคดีนี้เข้าสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ (US Court of Appeals for the Federal Circuit) ก็ได้มีคำตัดสินเช่นเดียวกับศาลชั้นต้น และกำหนดว่า การระงับการเก็บภาษีนำเข้าคู่ค้าที่มาจากคำสั่งผิดกฎหมาย ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.68

อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวดิ้นสู้ต่อ เสนอให้ศาลสูงสุดสหรัฐฯ (US Supreme Court) พิจารณาว่า กฎหมาย IEEPA ให้อำนาจประธานาธิบดีขึ้นภาษีนำเข้าหรือไม่ ซึ่งศาลสูงสุดรับคำฟ้อง และจะพิจารณาวันที่ 6 พ.ย.68 ตามเวลาไทย และการเก็บภาษีนำเข้ายังคงดำเนินต่อไป จนกว่าศาลสูงสุดจะมีคำตัดสิน

ในสหรัฐฯมีทั้งคาดว่า ทรัมป์จะชนะและแพ้ หรืออาจชนะในข้อกล่าวหาเก็บภาษี Trafficking Tariff และอาจแพ้ในข้อกล่าวหาเก็บภาษี Reciprocal Tariff หากแพ้ จากการที่ศาลสูงสุดตัดสินยืนเหมือน 2 ศาล รัฐบาลต้อง “คืนเงินภาษีนำเข้า” ที่ศาลตัดสินว่าเก็บอย่างผิดกฎหมายให้ผู้นำเข้า ซึ่งกระทรวงการคลังระบุว่า ภาษีนำเข้าทั้งที่เก็บแบบปกติ และจากคำสั่งประธานาธิบดีช่วงเดือน ก.พ.-ก.ค.68 สูงถึง 107,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

แต่กระบวนการคืนเงินภาษี อาจใช้เวลานาน และระหว่างนั้นทรัมป์จะหาหนทางอื่นๆ ภายใต้กฎหมายฉบับอื่นมาใช้เก็บภาษีคู่ค้าตามเดิม แต่หากทรัมป์ชนะก็อาจออกมาตรการภาษีอื่นๆเพิ่มเติมอีก

การพิจารณาของศาลสูงสุด ไม่รู้ว่าจะนานเพียงใด แต่ทรัมป์คงดิ้นทุกทางที่จะเก็บภาษีคู่ค้าให้ได้  ประเทศเล็กๆอย่างไทย คงทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจาก “ยอมจำนน” รับชะตากรรม!!

ฟันนี่เอส

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม