Economics
Thai Economics
ไทยมี Rare Earths จริงหรือ? ทำความเข้าใจทุกเรื่องเมื่อสหรัฐฯ - จีน “พักรบ” ไทยจะกระทบไหม
Date Time: 31 ต.ค. 2568 20:29 น.
“Summary“
สหรัฐฯ และจีนปิดดีลภาษีนำเข้า ลดให้จีนเหลือ 47% แต่หนึ่งในเงื่อนไขคือการยืดเวลาควบคุมการส่งออก “แรร์เอิร์ธ” ให้นานขึ้น 1 ปี บดินทร์ พุทธอินทร์ มองว่าส่งผลดี ไทยได้รับอานิสงส์ไปด้วย
หลังจากทั่วโลกต้องปั่นป่วนจากภาษีทรัมป์มาตั้งแต่ เม.ย. 2568 หลายคนต่างจับตาว่า สหรัฐฯ - จีน ประเทศมหาอำนาจจะปิดดีลกันแบบไหน
ล่าสุด 30 ต.ค. ที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ กับ สี จิ้นผิง บรรลุข้อตกลงทางการค้าทั้งลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เหลือ 47% และที่หลายคนจับตามองคือ ข้อตกลงการควบคุมการส่งออก “แรร์เอิร์ธ (Rare Earths)” ที่จีนตกลงเลื่อนเวลาออกไปให้ 1 ปี จากเดิมที่จีนประกาศใช้เมื่อ 9 ต.ค.
แต่เรื่องนี้จะกระทบกับเศรษฐกิจไทยอย่างไร แล้วที่สหรัฐฯ มีข้อตกลงเรื่อง Rare Earths กับไทยเราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แค่ไหน?
ไทยมี Rare Earths กับเขาด้วย?
บดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ Thairath Money ว่า แร่หายากอย่าง Rare Earths ถือว่าสำคัญมากๆ ในโลกปัจจุบันและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เพราะใช้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และมอเตอร์แม่เหล็กที่ใช้ในยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ฯลฯ
เรียกว่า Rare Earths เปรียบเสมือน 'สารตั้งต้น' ที่จำเป็นต่อการแข่งขันทางเทคโนโลยีระหว่างประเทศ เพราะถ้าขาดแร่นี้ไป สายพานการผลิตอาจต้องหยุดชะงักลงทันที
ดังนั้น สหรัฐฯ ที่ธุรกิจเทคเฟื่องฟูยิ่งต้องใช้ Rare Earths เป็นจำนวนมาก แต่กลับมียอดการสำรองในประเทศเพียง 4% ยิ่งเจาะลึกข้อมูลจาก Bloomberg พบว่า Rare Earths ที่มีอยู่ทั่วโลก 70% มาจากจีน เพื่อหาทางออก สหรัฐฯ ต้องหาแหล่งแร่ใหม่ๆ เราจึงเห็นความพยายามทำข้อตกลง (MOU) กับหลายประเทศ (ที่มีการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ) เพื่อลดการพึ่งพา Rare Earths จากจีน
ล่าสุด ประเทศไทยก็ทำ MOU กับสหรัฐฯ ในเรื่อง Rare Earths เมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการสำรวจเท่านั้น ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง (อย่างน้อย 3-5 ปี เช่น สร้างเหมือง ถลุง แปรรูปพร้อมใช้ ฯลฯ) ข้อดีคือ ถ้าไทยมี Rare Earths ในปริมาณมากและใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้ เราอาจเห็นการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในด้านนี้มากขึ้น
ภาษีทรัมป์ยังไม่จบ “สหรัฐฯ - จีน” แค่พักรบ
อีกเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องจับตามองคือ ดีลภาษีทรัมป์ที่จีนกับสหรัฐฯ เจรจาจบไป อาจเป็นแค่ “พักรบชั่วคราว” ให้แต่ละฝ่ายไปแก้ปัญหาการเติบโตทางเศรษฐกิจและประเด็นอื่นๆ แต่ส่วนที่น่าสนใจคือ การที่จีนเลื่อนข้อบังคับการควบคุมการส่งออก Rare Earths ออกไป 1 ปี น่าจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และไทย เพราะ
1) ในช่วง 1 ปีนี้ห่วงโซ่การผลิตสินค้าเทคโนโลยีจะไม่หยุดชะงักลง
2) ภาพการค้าการลงทุน ตั้งแต่การส่งออก นำเข้า การบริโภค น่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
3) การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed จะตัดสินใจได้ไม่ยากเหมือนที่ผ่านมา (เช่น ไม่มีข้อมูลทางเศรษฐกิจ หรือคาดเดาสถานการณ์ได้ยาก) นอกจากนี้คาดว่าการดำเนินนโยบายการเงินการคลังที่ดีขึ้น
4) บรรยากาศการลงทุนค่อนข้างเป็นบวก จากภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกที่เดินหน้าต่อได้
ในส่วนของประเทศไทย เมื่อสถานการณ์ราบรื่น เราก็เจอปัจจัยกดดันน้อยลงทั้งกับฝั่งการค้าการลงทุน เพราะเมื่อมีเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เกิดขึ้นช่วงที่ผ่านมามิติด้านตลาดเงินตลาดทุนจะเกิดบรรยากาศด้านลบ แต่เมื่อสถานการณ์ผ่อนคลายลง เริ่มคลายความกังวลมากขึ้นหุ้นไทยฝั่งเอเชียจะรับอานิสงส์ไปด้วย
อย่างไรก็ตามอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยที่เริ่มเติบโตชะลอลงจากช่วงต้นปี โดยยังต้องติดตามในเดือน พ.ย. 68 ที่ศาลสหรัฐฯ จะมีการตัดสินคดี ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้ ว่าอำนาจโดยชอบหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้อาจลากยาวไปถึงปี 69
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney
Author