สหรัฐฯ “มัดมือชก” ไทย

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

สหรัฐฯ “มัดมือชก” ไทย

Date Time: 30 ต.ค. 2568 04:00 น.

Summary

แม้สหรัฐฯย้ำว่า เป็นกรอบการเจรจาความตกลงฯ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ 2 ฝ่าย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ส่งออกของ 2 ประเทศเข้าถึงตลาดของกันและกันได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

ผลพวงการที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางมากัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ต.ค.68 เพื่อเป็นสักขีพยานการลงนาม “ถ้อยแถลงร่วมสู่การสร้างสันติภาพ” ระหว่าง “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีไทย และ “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

ก็คือ การที่ทำเนียบขาวเผยแพร่ “แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบแนวทางการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าต่างประเทศสหรัฐฯ-ไทย” รวมถึงมาเลเซีย กัมพูชา และเวียดนาม ในวันเดียวกัน

แม้สหรัฐฯย้ำว่า เป็นกรอบการเจรจาความตกลงฯ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ 2 ฝ่าย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ส่งออกของ 2 ประเทศเข้าถึงตลาดของกันและกันได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

และรัฐบาลไทยก็ย้ำนักหนาว่า แถลงการณ์นี้ยังไม่มีผลบังคับใช้และยังไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย ทั้ง 2 ฝ่ายต้องเจรจารายละเอียดต่อ ตั้งเป้าหมายจบภายในสิ้นปีนี้ จากนั้นจะเสนอให้ ครม. และรัฐสภาเห็นชอบ ก่อนลงนามร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อให้ความตกลงมีผลใช้บังคับต่อไป

แต่รายละเอียดในแถลงการณ์ร่วม เหมือน “มัดมือชก” ทำให้ไทยดิ้นไม่หลุดออกจากแนวทางการเจรจาที่สหรัฐฯกำหนดไว้ และดูเหมือนสหรัฐฯจะได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว

โดยรายละเอียดทั้งหมดในแถลงการณ์ร่วม เป็นประเด็นที่สหรัฐฯเรียกร้องจากไทยมานานแล้ว ไม่ใช่เฉพาะการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน แต่รวมถึงมาตรฐานแรงงานและสิ่งแวดล้อม การค้าดิจิทัล ฯลฯ แต่ไทยยังไม่ตอบสนองจนสหรัฐฯตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP)

ไม่ว่าจะเป็นไทยต้องลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯมากถึง 99% โดยที่สหรัฐฯจะคงเก็บภาษีตอบโต้ไทยไว้ที่ 19% ยกเว้นสินค้า 4 กลุ่มที่สหรัฐฯผลิตเองไม่ได้ หรือผลิตไม่พอ ตามที่กำหนดไว้ในภาคผนวก 3 คำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 5 ก.ย.68 ที่ไม่ถูกเก็บภาษีตอบโต้

ไทยต้องลด/เลิกมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี โดยเฉพาะในการนำเข้าสินค้า ทั้งสัตว์ปีก เนื้อหมู ยานยนต์ รวมถึงการค้าบริการ และการลงทุน, แก้กฎหมายให้สิทธิแรงงานรวมกลุ่มและเจรจาต่อรองกับนายจ้าง, แก้ไขการใช้แรงงานบังคับและแรงงานเด็ก, ต่อสู้กับการค้าผลิตภัณฑ์จากป่าที่ตัดมาอย่างผิดกฎหมาย, ต่อสู้กับการประมงและการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม

รวมทั้งงดเว้นเก็บภาษีบริการดิจิทัลสหรัฐฯ, ระงับภาษีการส่งผ่านข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์, ซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ถั่วเหลือง เครื่องบิน พลังงาน หากไทยไม่ดำเนินการตามนี้ สหรัฐฯอาจปรับขึ้นอัตราภาษีตอบโต้ไทยได้ ขณะเดียวกันทรัมป์ยังทำให้นายกฯอนุทินลงนาม “บันทึกความเข้าใจ (MOU) แร่หายาก” ซึ่งหวั่นว่าไทยอาจต้องให้สิทธิ์สหรัฐฯเข้ามาจัดหาแร่หายากในไทย และไทยอาจต้องจัดหาให้สหรัฐฯนั้น

“กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่” ย้ำเช่นกันว่า MOU นี้ยังไม่มีผลทางกฎหมาย เป็นเพียงกรอบความร่วมมือเพื่อเปิดทางให้ 2 ฝ่ายแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และโอกาสการลงทุนเท่านั้น

เชื่อได้เลยว่า ทั้ง 2 เรื่อง ไทยคงดิ้นไม่หลุด และต้องยอมดำเนินการตาม!!

ฟันนี่เอส

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ