
นายบัณฑูรย์ จุ้ยเจริญ ดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าด้วยขณะนี้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กำลังดำเนินการทบทวนมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้น 2 ฉบับ คือ มอก. 20-2543 เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เหล็กเส้นกลม และ มอก. 24-2548 เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เหล็กข้ออ้อย เนื่องจากเหล็กเส้น เป็นสินค้าที่เป็นปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความมั่นคงแข็งแรงของสิ่งก่อสร้างต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญต่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยจะได้ทบทวน มอก.เหล็กเส้น รวมถึงมาตรการควบคุมการผลิตเหล็กเส้นให้เป็นไปตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
ทั้งนี้ คณะทำงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ส.อ.ท. ได้ทำเอกสารฉบับนำเสนอวิเคราะห์สถานการณ์การผลิตและคุณภาพเหล็กเส้นก่อสร้างของประเทศไทย ปัญหาและข้อจำกัดของกระบวนการผลิตเหล็กเส้นด้วยเตา IF (Induction Furnace) เปรียบเทียบกับเตา EAF (Electric Arc Furnace) และนำเสนอบทเรียนจากประเทศจีนที่ได้ยกเลิกการใช้เตา IF ในการผลิตเหล็กเส้นไปแล้ว รวมทั้งการยกระดับมาตรฐานเหล็กเส้นของประเทศจีน โดยมีรายงานและบทความที่เกี่ยวข้องไว้เพื่อประกอบการพิจารณาในการปรับปรุง มอก. เหล็กเส้นต่อไป
โดยปัจจุบันมีการผลิตเหล็กเส้นก่อสร้างในประเทศประมาณปีละ 3 ล้านตัน ตัวอย่างในปี 2567 ประมาณการว่ามีการผลิตเหล็กเส้นก่อสร้างจากกระบวนการ Induction Furnace (IF) ประมาณ 1.6 ล้านตัน จากกระบวนการ Electric Arc Furnace (EAF) ประมาณ 1.2 ล้านตัน และจากการนำเข้าบิลเล็ตมารีดเป็นเหล็กเส้นอีกประมาณ 0.3 ล้านตัน เหล็กจาก IF มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดเนื่องจากกำหนดราคาขายต่ำกว่า
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดประเด็นปัญหาคุณภาพกับเหล็กเส้นที่ผลิตจากเตา IF เนื่องจากการที่จะผลิตเหล็กเส้นให้ได้มาตรฐานด้วยกระบวนการ IF ต้องใช้ความพิถีพิถันอย่างมากในการคัดเลือกวัตถุดิบเศษเหล็กที่มีความสะอาด ไม่มีสารมลทินและสิ่งเจือปนที่มากเกินไป เนื่องจากข้อจำกัดของ IF ในการกำจัดสารมลทิน เช่น ฟอสฟอรัส กำมะถัน ตลอดจนธาตุที่ต้องควบคุมปริมาณให้ได้ตาม มอก. เช่น ธาตุโบรอน เป็นต้น นอกจากนี้เนื่องจากส่วนประกอบทางเคมีจะเป็นปัจจัยหลักต่อคุณสมบัติทางกล หากไม่สามารถควบคุมส่วนประกอบทางเคมีให้สม่ำเสมอตามค่าที่เหมาะสม ก็จะส่งผลให้ตกมาตรฐานคุณสมบัติทางกลได้
ขณะที่ในประเทศจีนซึ่งเคยมีการผลิตเหล็กเส้นด้วยกระบวนการ IF มากที่สุดในโลกคือปีละกว่า 120 ล้านตัน ได้ประสบปัญหาอย่างยาวนานกับเหล็กเส้นคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานจากเตา IF จนในที่สุดรัฐบาลจีนได้สั่งยกเลิกการผลิตเหล็กเส้นก่อสร้างด้วยเตา IF ทั้งหมดของประเทศจีนในเดือน มิ.ย. 2560
กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ส.อ.ท.มองว่าถึงแม้ในประเทศไทยมีการแก้ไข มอก. ให้เพิ่มกรรมวิธี IF ดังกล่าวข้างต้นในปี 2559 เพื่อรองรับการลงทุนโรงงานผลิตเหล็กเส้นด้วย IF (เป็นช่วงเวลาประมาณ 1 ปี ก่อนที่ประเทศจีนจะยกเลิกการผลิตเหล็กเส้นด้วยเตา IF อย่างเด็ดขาดในปี 2560) ประเทศไทยจำเป็นต้องศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศจีนที่นำไปสู่พัฒนาการยกระดับมาตรฐานคุณภาพเหล็กเส้นของประเทศจีนเพื่อนำข้อดีมาเป็นแบบอย่างในการปรับปรุง มอก. เหล็กเส้นของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2568 ทำให้ต้องพิจารณาว่ามีสิ่งใดที่มาตรฐานเหล็กเส้นไทยต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับที่ประเทศจีนได้ยกเลิกการผลิตด้วย IF ทั้งยังกำหนดมาตรฐานเหล็กความแข็งแรงสูง สำหรับใช้งานในเขตแผ่นดินไหวขึ้นในมาตรฐานเหล็กเส้นจีนฉบับล่าสุดในปี 2024