
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงข้อสั่งการของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ที่ต้องการให้ทบทวนและแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง สถานบริการ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อแก้ไขปัญหาความลักลั่นทางกฎหมาย และกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ว่า นายกฯ มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข ไปทบทวนเรื่องนี้ซึ่งต้องเร่งให้มีผลก่อนยุบสภา
“ท่านนายกฯ ตั้งคำถามว่าเหตุใดพื้นที่กรุงเทพมหานคร บางโซน เช่น ถนนข้าวสาร หรือ RCA จึงเปิดได้ แต่ที่อื่นทำไม่ได้ ซึ่งโซนนิ่งที่ทำมาอาจไม่เหมาะสม และไม่สอดคล้องกับบริบททางสังคมที่เปลี่ยนไป แนวคิดของรัฐบาลคือไม่ควรจะเป็นเรื่องของการจัดโซนนิ่ง แต่ควรเป็นเรื่องการบริหารจัดการ เนื่องจากที่ผ่านมาการมีโซนนิ่งที่เข้มงวด หลายร้านอยากเข้าสู่ระบบแต่เข้าไม่ได้เพราะติดโซนนิ่ง ทำให้ยังมีการลักลอบทำกันอยู่ และไม่ได้เข้าสู่ระบบภาษี ปัญหาที่ผ่านมาคือควบคุมไม่ได้และเป็นช่องทางให้มีการคอร์รัปชั่น ให้มีการรับสินบน แล้วรัฐก็สูญเสียรายได้”
นายสิริพงศ์ กล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่รัฐบาลต้องการแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ ข้อห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 14.00 - 17.00 น. และการปรับกรณีที่ลูกค้านั่งแช่หลังเที่ยงคืนในร้านอาหารที่ไม่ใช่สถานประกอบการ เนื่องจากมีคำเตือนจากสถานทูตต่างชาติ ว่า หากนักท่องเที่ยวมาไทยและดื่มในร้านอาหารตอนบ่าย อาจมีความเสี่ยงสูงต่อการทำผิดกฎหมายที่ไทยและถูกปรับ 2,000 บาท ท่านนายกฯ จึงสั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปหาแนวทางแก้ไขทันที เพราะวิถีชีวิตของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวตะวันตกเขานั่งแช่ดื่มทั้งวัน การที่ต้องเชิญออกจากร้านตอน 14.00 น. แล้วมาดื่มใหม่ตอน 17.00 น.มันก็ประหลาด สำหรับประเด็นการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึง 04.00 น. หรือตี 4 นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดถึงกันถึงขนาดนั้น อาจจะเป็น 01.00 น. หรือ 02.00 น. คงไม่ได้เป็นภาพรวมหมดทั้งประเทศว่าเปิดได้ถึงตี 4
นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนเห็นด้วยกับการที่รัฐบาลพิจารณาปลดล็อกข้อห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงเวลา 14.00-17.00 น. เนื่องจากที่มาของกฎหมายไม่ได้สอดคล้องกับสังคมไทยในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เพราะเดิมมีขึ้นเพื่อป้องกันพนักงานรัฐแอบใช้เวลางานไปนั่งดื่มแทน มองว่าแม้มีการปลดล็อกกฎหมายห้ามขายเป็นช่วงเวลาออกไปแล้ว ก็ไม่ได้มีผลให้เกิดการแอบดื่มระหว่างทำงานมากขึ้น ซึ่งผลของการจำกัดช่วงเวลาขายนี้กระทบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า หากปลดล็อกหาซื้อและนั่งดื่มในพื้นที่ร้านต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ก็เป็นผลดีมากกว่า
“วันหยุดนักขัตฤกษ์หรือหยุดเนื่องในวันสำคัญทางศาสนา ซึ่งมีการกำหนดให้งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากมองในแง่นักท่องเที่ยวต่างชาติ การงดไม่ให้จำหน่ายแอลกอฮอล์ในวันเหล่านั้นแบบเป็นภาพรวมถือว่าไม่จำเป็น เพราะวันสำคัญทางศาสนาก็เป็นศาสนาเดียว แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามามีหลากหลายมาก หากสามารถยกเลิกให้ตอบโจทย์สังคมในปัจจุบัน รวมถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวได้ก็ควรทำ”
นายเทียนประสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับการยกเลิกโซนนิ่งพื้นที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สามารถเปิดขายได้ทั่วประเทศ และขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น. จากปัจจุบันเปิดให้บริการได้ถึง 02.00 น. อาจทดลอง 3-6 เดือนก่อนแล้วมาประเมินผลอีกครั้งว่าผลดีต่อเศรษฐกิจมากน้อยเท่าใด ผลเสียต่อสังคมมีอย่างไรบ้าง ความคุ้มค่าเป็นอย่างไร สำหรับการยกเลิกโซนนิ่งพื้นที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สามารถเปิดขายได้ทั่วประเทศถึงเวลา 04.00 น. จากปัจจุบันเปิดให้บริการได้ถึง 02.00 น.หรือตี 2 แต่ร้านจะต้องขึ้นทะเบียนสถานบริการก่อน เห็นสถานประกอบการตอนนี้เปิดกันถึงตี 2 เป็นปกติ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีใบอนุญาต หากขยายเวลาให้เปิดถึงตี 4 เฉพาะร้านที่ขึ้นทะเบียน เชื่อว่าร้านที่ไม่ขึ้นทะเบียนจะฉวยโอกาสเปิดยาวเช่นกัน จึงควรลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มข้นตั้งแต่ตอนนี้เลย