
นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลาง เร่งปรับปรุงกระบวนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เม็ดเงินไหลลงสู่ระบบเศรษฐกิจให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะปีงบประมาณ 69 มีเงินงบประมาณทั้งงบรายจ่ายประจำปี งบลงทุน และงบเหลื่อมปี รวมกว่า 4 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ จึงได้กำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อให้การเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเกิดความคล่องตัว รวดเร็ว และสอดคล้องกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยมีสาระสำคัญคือ
1. หน่วยงานสามารถลดระยะเวลาการเผยแพร่ร่างประกาศและร่างเอกสารซื้อหรือจ้างด้วยวิธี e-bidding (TOR) รวมถึงการจ้างที่ปรึกษาหรือการจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้างให้สั้นลง เช่น วงเงินเกิน 500,000 บาท แต่ไม่เกิน 10 ล้านบาท ให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าหน่วยงานของรัฐนั้นๆ กรณีวงเงินเกิน 500,000 บาท แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาท ให้เผยแพร่ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 วันทำการ และวงเงินเกินกว่า 100 ล้านบาท ให้เผยแพร่ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 20 วันทำการ เป็นต้น
2. กรณีที่มีผู้ยื่นข้อเสนอเพียงรายเดียว หรือยื่นหลายรายแต่ถูกต้องตามเงื่อนไขเพียงรายเดียว หากคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์พิจารณาแล้วสมควรที่จะดำเนินการต่อไป ก็สามารถกระทำได้
3. ปัญหาที่สำคัญประการหนึ่งของการจัดซื้อจัดจ้างคือการที่ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ปี 2560 ไม่ได้กำหนดระยะเวลาการตรวจรับไว้อย่างชัดเจน ทำให้การตรวจรับหลายโครงการล่าช้า ส่งผลให้การเบิกจ่ายเงินของหน่วยงานของรัฐล่าช้าตามไปด้วย ดังนั้น เพื่อให้หน่วยงานของรัฐมีแนวทางปฏิบัติในการตรวจรับพัสดุ สามารถเบิกจ่ายเงินให้กับคู่สัญญาได้อย่างรวดเร็ว และเป็นไปตามเป้าหมายตามมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินในแต่ละปี คณะกรรมการวินิจฉัยจึงได้กำหนดระยะเวลาในการตรวจรับพัสดุเพื่อให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นงานจัดซื้อจัดจ้างหรืองานจ้างก่อสร้าง ทั้งนี้ หากคณะกรรมการตรวจรับพัสดุหรือผู้ควบคุมงานมีเหตุผลความจำเป็นไม่อาจดำเนินการได้ภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ขอขยายระยะเวลาในการดำเนินการต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ
นางแพตริเซีย กล่าวต่อว่า ในบางกรณีหน่วยงานรัฐที่ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างกับภาคเอกชน เมื่องานแล้วเสร็จ แต่ไม่เร่งตรวจรับมอบงาน เพื่อส่งมอบงานตามสัญญา ส่งผลให้การเบิกจ่ายงบล่าช้าออกไป เช่น งานจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่ใช่งานจ้างก่อสร้าง กรณีสัญญามีงวดงานเดียว ให้ตรวจรับพัสดุภายใน 5 วันทำการ หลังจากคู่สัญญาส่งมอบพัสดุ เป็นต้น ส่วนที่เป็นสัญญาจ้างก่อสร้าง ซึ่งมีทั้งจ้างแบบเหมารวม และงานจ้างแบบราคาต่อหน่วย ซึ่งในกรณีจ้างแบบราคาต่อหน่วย หากเป็นค่างานไม่เกิน 30 ล้านบาท ให้ผู้ควบคุมงาน ตรวจรับงานรายงวดภายใน 4 วัน และกรณีค่างานไม่เกิน 60 ล้านบาท ให้ตรวจรับงานรายงวดภายใน 8 วัน เป็นต้น
“การกำหนดระยะเวลาตรวจรับนอกจากจะช่วยเร่งรัดการเบิกจ่ายแล้ว ยังถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ปฏิรูปกระบวนการตรวจรับงานของภาครัฐให้มีความโปร่งใส เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารสัญญาให้มีมาตรฐานและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงบประมาณของประเทศให้มีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังช่วยสร้างความเป็นธรรมและลดภาระให้กับคู่ค้าภาครัฐอีกด้วย”