นัดถกภาษีทรัมป์ช่วงอาเซียน ซัมมิต “ศุภจี” หวังสิ้นปีจบดีล-ย้ำยึดผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

นัดถกภาษีทรัมป์ช่วงอาเซียน ซัมมิต “ศุภจี” หวังสิ้นปีจบดีล-ย้ำยึดผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ

Date Time: 24 ต.ค. 2568 07:00 น.

Summary

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 24–28 ต.ค. จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 26 และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย แล้วต่อไปเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปกและการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ระหว่าง 29 ต.ค.-1 พ.ย. ที่คยองจู เกาหลีใต้ โดยในการประชุมคณะมนตรีอาเซียนจะหารือการรับมือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เสริมการค้าและการลงทุนในภูมิภาค และผลักดันการเจรจาความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน (DEFA) ส่วนการประชุมสุดยอดอาเซียนจะมีการลงนาม 2 พิธีสารแก้ไขความตกลง ได้แก่ พิธีสารแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน และพิธีสารแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน–จีน โดยมีผู้นำอาเซียนและนายกรัฐมนตรีร่วมเป็นสักขีพยาน ระหว่างการประชุมเอเปก นางศุภจีจะกล่าวถ้อยแถลงหัวข้อ “Connect” เพื่อเน้นการฟื้นฟูและเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ รวมทั้งนำเสนอแนวทางการดำเนินการของไทย ก่อนการเดินทางได้หารือทางไกลกับรองนายกฯ และรมว.การค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์เมื่อวันที่ 22 ต.ค. เพื่อขยายความร่วมมือการค้าการลงทุน ทั้งสองฝ่ายร่วมจัดทำข้อตกลงความร่วมมือค้าข้าว คาดเห็นผลเป็นรูปธรรมภายในเดือน พ.ย. ขณะเดียวกันได้หารือเร่งเจรจา DEFA ให้ก้าวหน้าเพื่อสนับสนุนการค้าไร้กระดาษและการเชื่อมต่อดิจิทัลในอาเซียน สำหรับประเด็นภาษีตอบโต้ที่สหรัฐฯ เก็บจากไทยอัตรา 19% นางศุภจีกล่าวว่า จะใช้โอกาสการประชุมสุดยอดอาเซียนหารือทวิภาคีกับสหรัฐฯ หวังให้ได้ข้อยุติที่เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่ายและเร่งให้การเจรจาจบภายในสิ้นปีนี้ ก่อนส่งร่างข้อตกลงให้คณะรัฐมนตรีและรัฐสภาพิจารณาก่อนลงนามและใช้บังคับต่อไป.

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 24–28 ต.ค.นี้ จะเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 26 การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย จากนั้นจะเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปก และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ร่วมกับนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 29 ต.ค.-1 พ.ย.68 ที่เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี สำหรับการประชุมคณะมนตรีฯ อาเซียน จะหารือถึงการรับมือความไม่แน่นอนจากภูมิเศรษฐศาสตร์ของโลก เพื่อเร่งเสริมการค้า การลงทุนในภูมิภาค และผลักดันการเจรจาความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน (DEFA) ซึ่งเป็นวาระสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจใหม่ของภูมิภาคที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม


ส่วนการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 จะร่วมลงนามความตกลง 2 ฉบับ ได้แก่ พิธีสารแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน และพิธีสารแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน–จีน โดยมีผู้นำของอาเซียน รวมถึงนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร่วมเป็นสักขีพยาน


สำหรับการประชุมรัฐมนตรีเอเปก จะทบทวนการทำงานและความร่วมมือตลอดปีที่ผ่านมา ก่อนเสนอผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกพิจารณา โดยในระหว่างการประชุม ตนจะกล่าวถ้อยแถลงของไทยในหัวข้อ “Connect” เพื่อเน้นย้ำการฟื้นฟูเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน เพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ พร้อมนำเสนอตัวอย่างแนวทางการดำเนินการของไทย


อย่างไรก็ตาม ก่อนการเดินทางไปมาเลเซีย ตนได้หารือผ่านระบบประชุมทางไกลกับนายกาน คิม ยอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 22 ต.ค.68 เพื่อเดินหน้าขยายความร่วมมือการค้าการลงทุนไทย-สิงคโปร์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ร่วมจัดทำข้อตกลงความร่วมมือด้านการค้าข้าว ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการค้าข้าวของไทย และความมั่นคงทางอาหารของสิงคโปร์ คาดว่า ข้อตกลงค้าข้าวจะเห็นผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนพ.ย.นี้


นอกจากนี้ ยังได้หารือร่วมกันในการขับเคลื่อนการเจรจาความตกลง DEFA เพื่อให้อาเซียนพัฒนาสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งไทยในฐานะประธานคณะกรรมการเจรจาความตกลง DEFA ได้ขอให้สิงคโปร์สนับสนุนการเจรจาให้มีความคืบหน้ามากที่สุด เพราะจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางดิจิทัลในอาเซียน สนับสนุนการค้าข้ามพรมแดนอย่างไร้รอยต่อ ผลักดันการค้าไร้กระดาษ และยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของไทยและอาเซียน พร้อมเป็นเครื่องมือสำคัญสนับสนุนภาคธุรกิจในการค้าดิจิทัล


นางศุภจี ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาภาษีตอบโต้กับสหรัฐฯ ว่า ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน วันที่ 26-28 ต.ค.นี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย อาเซียนจะมีโอกาสหารือกับคู่เจรจา และจะมีผู้แทนของสหรัฐฯเดินทางมาเข้าร่วมประชุมด้วยนั้น ไทยจะถือโอกาสนี้หารือทวิภาคีกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับภาษีตอบโต้ที่เก็บจากไทยอัตรา 19% และรายละเอียดต่างๆ ที่จะบรรจุอยู่ในความตกลงว่าด้วยภาษีตอบโต้ไทย-สหรัฐฯ หากสามารถเจรจาเรื่องใดที่เป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่ายได้ตามที่ต้องการ ก็อาจจะตกลงกัน ส่วนที่เหลือจะเป็นหน้าที่ของคณะเจรจาด้านเทคนิค ที่จะหารือในรายละเอียดของแต่ละเรื่องกันต่อไป แต่ทั้งหมดอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะทำงานยุทธศาสตร์เจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ที่มีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธาน ซึ่งจะพิจารณา

           

คณะทำงานด้านเทคนิคของไทย หารือในรายละเอียดเรื่องต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ ตกตะกอนค่อนข้างมากแล้ว รอคุยรายละเอียดด้านเทคนิคเพิ่มเติม และในระหว่างการประชุมอาเซียน ซัมมิต ไทยจะเจรจาสองฝ่ายกับสหรัฐฯ หากตกลงเรื่องใดได้ ก็อาจจะตกลงกัน เพื่อให้การเจรจาจบเร็วตามความตั้งใจของทั้ง 2 ฝ่ายที่ต้องการให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ 

           

อย่างไรก็ตาม ในส่วนการเปิดเสรีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ นั้น จะมีการเพิ่ม หรือถอดรายการสินค้าที่ไทยจะเปิดเสรีนำเข้าหรือไม่นั้น ต้องคุยในรายละเอียดกันต่อ และคณะทำงานยุทธศาสตร์ฯ จะเป็นผู้พิจารณา แต่ยืนยันว่า ในการเจรจา จะคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ ทั้งนี้ หากสามารถเจรจาจบภายในสิ้นปีนี้ หลังจากนั้น ไทยจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ ก่อนลงนามความตกลงฯร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ