
“ชีวิตมนุษย์เงินเดือนอาจไม่ได้มั่นคงอย่างที่เชื่อกันในช่วงก่อนหน้า โดยจากผลสำรวจของทีทีบี พบว่า ฐานะการเงินของมนุษย์เงินเดือน 8 ใน 10 มีภาระหนี้สิน รายได้โตไม่ทันรายจ่าย ทำให้เสี่ยงพังได้แม้ภาวะการเงินสะดุดเพียงเล็กน้อย” นายนริศ สถาผลเดชา ประธานกลุ่มงาน Data และ Analytics ทีเอ็มบีธนชาตกล่าว
ทั้งนี้ “ทีเอ็มบีธนชาต” ได้จัดทำการสำรวจ และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกฐานะการเงิน และหนี้สินของมนุษย์เงินเดือน โดยพบว่า ประเทศไทยมีมนุษย์เงินเดือนกว่า 12.5 ล้านคน คิดเป็น 30% ของแรงงานทั้งหมด สร้างรายได้ภาษีบุคคลธรรมดามากถึง 90% หรือ 270,000 บาทต่อปี และได้นำข้อมูลเชิงลึกมาเปิดเผยครั้งแรกนรายงาน Insight มนุษย์เงินเดือน “เดอะแบกตัวจริง” การเงินยุคนี้
.มนุษย์เงินเดือนแบกหนี้กว่า 7 แสนต่อคน
นายนริศ สถาผลเดชา ประธานกลุ่มงาน Data และ Analytics ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) และการสำรวจของ ttb analytics ซึ่งมีข้อมูลล่าสุด ณ เดือนมิ.ย.2567 พบว่า คนไทยเกือบ 40% ของจำนวนประชากร หรือ ประมาณ 25 ล้านคน มีหนี้ในระบบ โดยมีหนี้สินเฉลี่ยสูงกว่า 540,000 ต่อคน โดยเฉพาะกลุ่มวัยสร้างครอบครัวอายุ 35-60 ปี ที่มีภาระหนี้สูงที่สุดอยู่ที่ประมาณ 740,000 บาทต่อคน โดยเฉพาะหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลยังคงเป็นภาระของทุกช่วงวัย แม้กระทั่งในวัยเกษียณ
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรายย่อยของคนไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า เติบโตชึ้นประมาณ 200% สวนทางกับรายได้เฉลี่ยของคนไทยในช่วง 10 ปีที่เพิ่มขึ้นเพียง 14% เท่านั้น และหากเทียบตั้งแต่ก่อนโควิด19 หรือใน ปี 2561 จนถึงปี 2567 พบว่า มนุษย์เงินเดือนไทย อายุ 25-60 ปี มีหนี้สินเชื่อรายย่อยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 10% และเป็นการเพิ่มขึ้นของหนี้ในช่วง 2 ปีหลัง โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่ 30% เป็น 38% ในปี 2567
นอกจากนั้น จากการทำ ttb financial health check หรือโปรแกรมตรวจสุขภาพทางการเงินออนไลน์ของมนุษย์เงินเดือนในประเทศไทยกว่า 96,000คน ระหว่างเดือนส.ค. 2566 –ก.พ. 2568 ของทีทีบี ยังพบว่า 82% มีภาระหนี้ โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้ส่วนบุคคลและบัตรเครดิตคิดเป็นสัดส่วนถึง 53% รองลงมาคือหนี้รถ 17% และหนี้บ้าน 15% ที่สำคัญยังพบว่า 49% ของมนุษย์เงินเดือนมีหนี้สะสม จากพฤติกรรมจ่ายขั้นต่ำ หรือผิดนัดชำระ ขณะที่ 65% ของคนที่ยังจ่ายไหวเป็นการชำระเงินขั้นต่ำ ทำให้เกิดความเสี่ยงสะสมจากดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นและอยู่ในวงจรหนี้ไม่สิ้นสุด
.อึ้ง!เงินเดือนแสนบาท“ใช้เดือนชนเดือน”
นายนริศ กล่าวต่อว่า จากการสำรวจมนุษย์เงินเดือน ข้อมูลยังสะท้อนว่า พฤติกรรมทางการเงินของมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ 30,000 บาทต่เดือน ส่วนใหญ่ยังขาดภูมิคุ้มกันทางการเงินที่เพียงพอ โดยจากการสำรวจพบว่า 29 % ของมนุษย์เงินเดือนมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย และ 51% ระบุว่า ใช้เงินเดือนแบบเดือนชนเดือน ส่งผลให้ 77% มีเงินออมน้อยกว่า 10% ของรายได้ และ 70% ไม่มีเงินสำรองฉุกเฉินเพียงพอ จากที่ควรเงินสำรอง 6 เดือนของรายได้ ยิ่งไปกว่านั้นมากถึง 80% ไม่มีความคุ้มครองที่เพียงพอหากเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายไม่คาดฝัน ส่งผลให้ 54% ของผู้สำรวจระบุว่า หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นจะกระทบต่อฐานะการเงินโดยรวมทันที
“ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ปานกลางหรือต่ำเท่านั้น เพราะจากข้อมูลพบว่า 32% ของผู้ที่มีรายได้เกิน 100,000 บาทต่อเดือน ยังคงใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน และอีก 16% มีรายจ่ายมากกว่ารายได้ สะท้อนว่าความไม่มั่นคงทางการเงินเกิดขึ้นกับทุกระดับรายได้ ขณะที่ยังพบอีกว่า 57% ของคนที่อยู่ใน Gen X และกลุ่ม Baby Bloomer ยังไม่มีการวางแผนเพื่อการเกษียณ” นายนริศกล่าว
.เร่งปลดภาระ “เดอะแบก” พ้นวงจรหนี้
ด้านนางณัฐวรรณ อภิรัตนพิมลชัย ประธานกลุ่มกลยุทธ์ลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ทีทีบี ตระหนักถึงตัวเลขหนี้สินและภาระของคนไทย โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่จะมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น และพร้อมช่วยแบ่งเบาภาระของเดอะแบกตัวจริงทางการเงินในบุคนี้ เพราะต้องดูแลทั้งอนาคตของลูก ดูแลพ่อแม่ แบกรับหนี้สินภาระใช้จ่ายในครอบครัว การดูแลเมื่อเจ็บป่วย รวมทั้งยังต้องจ่ายภาษีเพื่อรับภาระของประเทศ
“ที่ผ่านมา มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่จะใช้สินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิต ซึ่งดอกเบี้ยสูงถึง 16-24% และหากเป็นการกู้บ้าน หลายคนไม่นิยมรีไฟแนนซ์ เพราะมีความยุ่งยาก แต่จากการคำนวณของทีทีบีพบว่า หากมีการรีไฟแนนซ์ดอกเบี้ยบ้านอย่างต่อเนื่องตลอดสัญญา จะลดภาระดอกเบี้ยได้ประมาณ 500,000 บาท จากดอกเบี้ยเดิมที่ต้องจ่าย นอกจากนั้น การรวมหนี้บ้าน หรือรถกับสินเชื่อบุคค แล้วผ่อนก้อนเดียวจะทำให้ได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าแต่คนยังกังวลกลัวจะเสียบ้านเสียรถไป ซึ่งทีทีบีเข้าใจลูกหนี้ในจุดเหล่านี้และได้คิดโซลูชั่นทางการเงินเพื่อช่วยลดภาระให้”
นางณัฐวรรณ กล่าวว่า หากต้องการที่จะพ้นวงจรหนี้ที่มีอยู่ หรือแบ่งเบาภาระหนี้เดิม จะต้องเริ่มจากการหยุดก่อหนี้ใหม่ที่ไม่จำเป็น ก่อนหลังจากนั้นสรุปยอดหนี้ที่มีเพื่อดำเนินการรีไฟแนนซ์ หรือรวมหนี้เพื่อลดดอกเบี้ย โดยทีทีบีสามารถช่วยดูแลผ่านโปรแกรมผ่อนดีมีรางวัล ที่ให้สิทธิพิเศษลูกค้าที่ผ่อนชำระดีได้รับข้อเสนอรีไฟแนนซ์ที่ดอกเบี้ยต่ำกว่าช่วยให้ปิดหนี้ได้ไวขึ้น รวมทั้ง บริการรวบหนี้ด้วยบ้าน-รถ หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ช่วยประหยัดดอกเบี้ยให้ถูกลง ค่างวดลดลง มีเงินเหลือใช้เพิ่มขึ้น และเมื่อมีเงินเหลือก็จะสามารถวางแผนการออมเงิน การทำประกัน หรือซื้อกองทุนต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันทางการเงินของมนุษย์เงินเดือนได้มากกว่าที่เป็นอยู่
********
ท้ายที่สุด จากข้อมูลของทีทีบี “ทีมเศรษฐกิจ ไทยรัฐ” เห็นว่า เศรษฐกิจไทยยังมีประเด็นที่ต้องแก้ไข ซึ่งตรงกับงานสัมมนาประจำปีของ “ไทยรัฐ” กรุ๊ป ที่จะจัดวันที่ 27 ต.ค.นี้ ในหัวข้อ Thairath Forum 2025:The Next New Economy ที่มีจะมีผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐและเอกชน มาช่วยกันให้ความเห็นดีๆ เพื่อร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในอนาคต