
ในช่วงที่ราคาทองคำกำลังพุ่งสูง ผลจากนักลงทุนกังวลทิศทางเศรษฐกิจ และการเมืองโลกที่ยังผันผวน ทำให้เลือกเก็บทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อให้อุ่นใจ โดยคาดว่าราคาทองคำจะยังสูงต่อไปตลอดหน้าหนาวนี้ ตรงกันข้ามกับราคาทองคำที่สวิงขึ้นลง ราคาน้ำมันตั้งแต่ต้นปี 2568 ที่ผ่านมา ค่อนข้างทรงๆตัวอย่างมีเสถียรภาพ โดยราคาน้ำมันเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงระดับราคา 60-77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดในช่วงหน้าหนาวที่ผ่านมาในช่วงเดือน ม.ค.ที่ 77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และลดลงมาอยู่ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม ในหน้าหนาวของทุกปีจะเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น จากความต้องการในประเทศเมืองหนาวที่สูงขึ้น แต่มีข่าวดี เพราะสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบโลกหน้าหนาวนี้จะไม่ได้เพิ่มขึ้นจนน่าเป็นห่วง และที่ดีกว่านั้นคือในปี 2569 ราคาน้ำมันจะอ่อนตัวลงจากปีนี้เล็กน้อย จากอุปทานส่วนเกินจากกลุ่มโอเปกพลัส ขณะที่ความต้องการจะไม่สูงนัก โดยราคาน้ำมันจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 60-65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่งผลให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ จากที่เคยติดลบ 75,945 ล้านบาท ในช่วงต้นเดือน ม.ค.68 แยกเป็นน้ำมันติดลบ 29,009 ล้านบาท LPG ติดลบ 46,936 ล้านบาท น่าจะเป็นบวกในปลายเดือน ธ.ค.นี้ (สิ้นเดือน ก.ย.กองทุนฯติดลบ 17,838 ล้านบาท)
และหลังจากนั้น น่าจะปรับลดราคาน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลลงได้ 0.5—1.0 บาทต่อลิตร และสามารถตรึงราคาขายปลีก LPG ไว้ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัมต่อไปได้ ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระให้กับประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต่อจากนี้ ยังมีประเด็นที่ค้างคาที่ต้องเร่งใส่ใจ โดยเฉพาะการเร่งส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพ เพราะตาม พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 มาตรา 55 กำหนดว่า ตั้งแต่ 24 ก.ย.69 เป็นต้นไป จะไม่สามารถใช้เงินกองทุนฯอุดหนุน เพื่อสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งก็คือน้ำมันแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซลต่อไปได้
โดยการส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพ จะเปลี่ยนไปใช้ระบบภาษีสรรพสามิตที่เก็บตามการปล่อยก๊าซคาร์บอกไดออกไซด์ หากใช้เชื้อเพลิงชีวภาพมากก็จะถูกเก็บภาษีน้อย ราคาถูกลง ดังนั้น ต้องหาแนวทางที่จะทำให้คนไทยยอมรับการใช้น้ำมันที่ผสมเชื้อเพลิงชีวภาพที่สูงกว่าปัจจุบันได้ ขณะเดียวกัน กองทุนน้ำมันฯยังต้องเร่งรัดการใช้หนี้ให้แก่สถาบันการเงินที่ได้ไปกู้มาตั้งแต่ปี 2565-66 ที่เหลืออีก 32,638 ล้านบาท ให้หมดภายในปี 2571
แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น อันดับแรก จะต้องเร่งแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ผอ.สกนช.) คนใหม่ ซึ่งคณะกรรมการสรรหาได้พิจารณาเสร็จแล้ว เหลือเพียงการนำเสนอบอร์ดกองทุนน้ำมัน (กบน.) ให้ความเห็นชอบให้ได้เสียก่อน เพื่อเร่งจัดทำและนำเสนอแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามมาตรา 14 รวมทั้งเร่งจัดสรรกำลังคนในกองทุนให้เหมาะสมกับภารกิจที่ได้วางไว้
ที่สำคัญหวังใจว่า เมื่อทิศทางราคาน้ำมันหนาวนี้ ไม่ทำให้คนไทยหนาวจับใจ ผอ.สกนช.คนใหม่ จะช่วยให้คนไทยอุ่นใจกับราคาน้ำมันขายปลีกในไทย ช่วยพยุงค่าครองชีพไม่ให้สูงเกินไปได้อีกสักปีสองปี.
มิสเตอร์พี
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม