
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธาน ว่า การประชุมครั้งแรกนี้ได้ทบทวนแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วง 4 เดือน ที่หารือกันและจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ติดลบ 8% ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา โดยกระทรวงการคลังจะเสนอเป็นแพคเกจการท่องเที่ยวประกอบไปด้วย 3 มาตรการหลักได้แก่
1. ลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว สูงสุดคนละ 20,000 บาท แบ่งเป็นเที่ยวเมืองหลักลดหย่อนได้ 1 เท่า และเมืองรอง 1.5 เท่า ใช้สิทธิ์ได้ระหว่าง 29 ต.ค.–15 ธ.ค. 2568
2. เร่งรัดสัมมนาภาครัฐ ภายใต้งบ 6,000 ล้านบาท ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายอย่างน้อย 60% ภายใน ม.ค. 2569 เพื่อกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนในภูมิภาค
3. สนับสนุนการรีโนเวตโรงแรมเมืองรอง โดยให้สิทธิ์หักค่าใช้จ่ายภาษีได้ 2 เท่า สำหรับการปรับปรุงอาคาร ติดตั้งโซลาร์เซลล์ หรือระบบบำบัดน้ำเสีย ใช้สิทธิ์ได้ถึง มี.ค. 2569 โดยสามารถนำไปใช้ในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ กาารติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อลดต้นทุนและความยั่งยืน การจัดทำระบบบำบัดน้ำเสียได้ด้วย
นอกจากนี้ จะพิจารณามาตรการอื่นๆเช่น การลดภาษีสถานบริการจาก 10% เหลือ 5% โดยประสานกระทรวงมหาดไทยและกรมสรรพสามิตเชื่อมโยงข้อมูลสถานบริการ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้ดำเนินการถูกต้องสามารถเข้าสู่ระบบและได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างครอบคลุม
นายเอกนิติ กล่าวว่า ได้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 2569 วงเงินกว่า 3.78 ล้านล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมามีงบเหลือจ่ายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงกว่า 300,000 ล้านบาท และงบลงทุนเบิกจ่ายได้แค่ 65% เท่านั้น ในปีนี้จึงมีมีการตั้งเป้าการเบิกจ่ายงบประมาณปกติไว้ที่ 93% และงบลงทุนฯไว้ที่ 75% รวมทั้งกำหนดเป็นตัวชี้วัด (KPI) ของหัวหน้าส่วนราชการด้วย โดยเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะติดตามเป็นรายเดือนและรายงานนายกรัฐมนตรีทราบ
ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ามาตรการเศรษฐกิจช่วงปลายปีของรัฐบาลจะดันให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.4% โดยยังไม่รวมกับมาตรการสินเชื่อที่จะลงไปเพิ่มเติมหลังจากนี้