
นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตร ีและ รมว.มหาดไทย มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยให้แต่งตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์เจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ เป็นประธาน ร่วมกับรัฐมนตรีจาก 6 กระทรวงหลัก เพื่อบูรณาการการทำงานให้การเจรจาจบลงในเวลาอันเหมาะสม โดยการเจรจาภาษีการค้าสหรัฐฯ ให้เร่งเจรจาลดภาษีให้ต่ำกว่าหรือไม่เกิน 19% เพื่อคุ้มครองภาคส่งออก เกษตร อุตสาหกรรม การจ้างงาน
นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบแนวทางการปรับกรอบเวลาการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2570 ให้เร็วขึ้น เพื่อให้การจัดทำกรอบงบประมาณไม่ล่าช้า และทันใช้ตามปฏิทินงบประมาณ โดยในวันที่ 1 ธ.ค. 2568 นี้ นายอนุทิน จะมอบนโยบายให้ส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งจากไทม์ไลน์ของรัฐบาลชุดนี้ ที่ประกาศไว้ว่าจะยุบสภาในเดือนม.ค. 2569 และการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ อาจกระทบต่อการจัดทำงบประมาณปี 2570 ให้เกิดความล่าช้า นายกฯ จึงมีข้อสังการไปยังสำนักงบประมาณให้ไปปรับไทม์ไลน์ของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2570 ใหม่ เพื่อให้หลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่แล้ว ต้องจัดทำงบประมาณปี 2570 ไม่ให้เกิดความล่าช้า ซึ่งสำนักงบประมาณก็รับไปพิจารณา
“จากการพิจารณาตามแผนการจัดทำงบประมาณแต่ละปี หากมีการยุบสภาในช่วงต้นปี อาจจะทำให้งบประมาณที่ต้องดำเนินการในช่วงกลางปีอาจจะสะดุดในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. ซึ่งทางสำนักงบประมาณ ก็รับไปพิจารณา เพื่อให้ทันต่อการใช้ตามปฏิทินงบประมาณปี 2570 โดยเห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 15 ต.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย จะเป็นประธานการประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดแรก เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา โดยจะเริ่มจากกระทรวงการคลังเสนอโรดแมปและแผนปฏิบัติการในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยตามโรดแมป ซึ่ง รมว.คลังต้องการเน้นย้ำและทางกระทรวงการคลัง หวังว่าทุกกระทรวงจะทำโรดแมปและแผนปฏิบัติการในระยะเวลา 4 เดือนนี้ ซึ่งรวมถึงมาตรการกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ส่วนมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวและเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ยังไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ครั้งนี้ เพราะต้องรอเข้าที่ประชุม ครม. เศรษฐกิจนัดแรกในวันที่ 15 ต.ค.ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจนัดพิเศษวันที่ 15 ต.ค.นี้ กระทรวงคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบในด้านมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งจะสั่งการให้หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจเร่งรัดการจัดงานประชุมสัมมนาในช่วง 4-5 เดือน (ต.ค.68-ก.พ.69) วงเงินราว 6,000- 8,000 ล้านบาท รวมทั้ง มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของราชการและรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากกว่า 1 แสนล้านบาท ช่วงไตรมาส 4ปีนี้ เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจปี 2568 ขยายตัวได้มากกว่า 2%
นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ขณะนี้มีงบเหลื่อมปีที่รอการเบิกจ่าย 320,000 ล้านบาท โดยกรมบัญชีกลาง จะเน้นกาคกระตุ้นให้เกิดการเบิกจ่ายในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ของปีงบประมาณ 2569 ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังเร่งดำเนินการตามนโยบาย Quick Big Win ของนายเอกนิติ ปรับปรุงแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนในปีงบประมาณ 2569 ให้ใกล้เคียงกับตัวเลขจริงมากที่สุด โดยจะจัดทำรายงานเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณในแต่ละไตรมาสเพื่อนำเสนอรมว.คลัง พิจารณาอีกครั้ง
สำหรับภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 เบิกได้รวมกว่า 92.3% แบ่งเป็น การเบิกจ่ายงบประจำ 100.02% และการเบิกจ่ายงบลงทุนทำได้เพียง 65% ทั้งนี้ มีสาเหตุสำคัญมาจากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 157,000 ล้านบาท ที่มีการอนุมัติเพิ่มเติมในภายหลัง ทำให้ส่วนราชการตั้งงบเบิกจ่ายไม่ทัน