“อนุทิน”ลั่นถึงเวลา“รีเซตประเทศ" “บิ๊กคลัง-พลังงาน”แจงมาตรการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

“อนุทิน”ลั่นถึงเวลา“รีเซตประเทศ" “บิ๊กคลัง-พลังงาน”แจงมาตรการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย

Date Time: 9 ต.ค. 2568 07:45 น.

Summary

อนุทินใช้เวทีสัมมนาสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ประกาศแผน "รีเซตโครงสร้างประเทศ" ครั้งใหญ่ ด้าน.“เอกนิติ”แจง 5 เสามั่นใจพลิกเศรษฐกิจไทยพ้น "ดิ่งเหว" พลังงาน “ตรึงดีเซล-ค่าไฟ-ก๊าซ”เร่ง Net Zero

Latest

“ศุภจี”ย้ำสหรัฐฯอย่ายุ่งอธิปไตยไทย

วานนี้ (8 ตุลาคม 2567) เวลา 14.00 น. ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้ร่วมงานสัมมนาใหญ่เศรษฐกิจไทย ประจำปี 2568 “เมื่อโลกเปลี่ยน..ประเทศไทยไปทางไหน ?” ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ และกล่าวปาฐกถาพิเศษ

โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน ร่วมกล่าวปาฐกถา ทั้งนี้ นางสาวดวงพร อุดมทิพย์ นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน ให้การต้อนรับโดยนายกรัฐมนตรีได้มอบรางวัลให้กับสุดยอดซีอีโอทั้ง 16 คน ที่ได้รัยรางวัลสุดยอดผู้นำองค์กร ประจำปี 2568 “CEO Econmass Awards 2025”

.“อนุทิน” ประกาศแผน "รีเซตประเทศ"    

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Reset โครงสร้างประเทศ Recover เศรษฐกิจไทย” โดยแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัล ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความพร้อมและความเข้มแข็งของผู้ประกอบการและระบบเศรษฐกิจไทย พร้อมี้แจงถึงความจำเป็นที่ประเทศต้องปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เพื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายของโลกยุคปัจจุบัน

“ประเทศไทยต้องปรับวิธีคิด วิธีทำงาน และบริหารความร่วมมือใหม่ทั้งหมด เพื่อรับมือกับสงครามความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์  การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการปฏิวัติเทคโนโลยี AI พร้อมตั้งเป้าหมายสูงสุดคือ ความมั่นคงในหลายมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการต่างประเทศ และส่งเสียงเตือนว่า ประเทศที่ปรับตัวช้าจะสูญเสียทั้งโอกาสทางเศรษฐกิจและ อำนาจต่อรองในเวทีโลก รัฐบาลจึงได้วางรากฐานใหม่”

โดยเน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่าน 4 มิติหลัก ดังนี้  1. รีเซตเศรษฐกิจ อัดฉีดเงิน 100,000 ล้านบาท ผ่านคนละครึ่งพลัส และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยโครงการคนละครึ่งพลัส ได้ถูกจำกัดความว่าเป็นนโยบายเศรษฐกิจเฉพาะกิจที่กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว และกระจายตัว” ใช้งบประมาณ  44,000 ล้านบาท เติมเงินเข้าบัตรสวัสดิการของรัฐ 22,780 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ฐานราก ไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท นอกจากนี้ รัฐบาลยังตระหนักถึงแรงกดดันจากสงครามการค้า จึงเร่งเจรจาข้อตกลงภาษีต่างตอบแทน     

2. รีเซตศักยภาพ ตั้งเป้าต้องแซงเพื่อนบ้านให้ได้ และรับมือสังคมสูงวัย ต้องยอมรับว่า การที่เศรษฐกิจไทยเติบโตช้ากว่าประเทศในภูมิภาคอินโดจีน โดยเฉพาะการตามหลัง เวียดนาม ถือเป็นฝันร้าย จึงต้องเร่งกระโดดและ “catch up” ตามให้ทัน โดยยืนยันว่าประเทศไทยมีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์  และมีทางออกทะเลทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นความหวังในการคงความเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาคนี้ รวมทั้งมีความท้าทายสำคัญคือการเป็น สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ การแก้ไขคือต้องสร้างระบบที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุ มีงานทำ และ มีรายได้ พร้อมทั้งสนับสนุนอุตสาหกรรมสุขภาพ และปรับโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศให้เป็นมิตรต่อผู้สูงอายุ 

3. รีเซตความมั่นคงและนิติธรรม ยกเครื่องสู่มาตรฐานสากล รัฐบาลกำลังจัดการปัญหาภัยสังคมที่กัดกร่อนความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ เช่น ยาเสพติด พนันออนไลน์ และอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเน้นการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็น ต้นทุนแฝง ในระบบเศรษฐกิจ  4. รีเซตด้านสิ่งแวดล้อมและดิจิทัล มุ่งสู่ Net Zero 2050 รัฐบาลตั้งเป้าหมายสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ โดยกำหนดเป้า Net Zero หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ 0 ภายในปี 2050 เพื่อให้สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับในเวทีโลกและไม่เสียเปรียบทางการค้า นอกจากนี้ จะเร่งสร้างความเป็น รัฐบาลดิจิทัลที่เชื่อมโยงกันทั้งระบบ ซึ่งจะทำให้เกิดความโปร่งใส และช่วยในการป้องปรามการทุจริตคอร์รัปชันได้อย่างแน่นอน

.“เอกนิติ”มั่นใจพลิกเศรษฐกิจไทยพ้น "ดิ่งเหว" 

ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “THE FUTURE FINANCE” : โฉมใหม่ในการเงินการคลัง ว่า  เศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในสถานการณ์วิกฤต อัตราการเติบโตต่ำลงต่อเนื่อง ปัจจุบันเฉลี่ยไม่ถึง 2% เครื่องยนต์เศรษฐกิจกำลัง "ดิ่งหัว" โดยคาดว่าไตรมาส 4 อาจเติบโตพียง 0.3% มีปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง เพื่อดึงรถยนต์เศรษฐกิจที่กำลังตกหล่ม และอาจดิ่งเหว รัฐบาลจึงต้องใช้ยุทธศาสตร์ "Quick Big Winในระยะเวลาจำกัด 4 เดือน เน้น "กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว" เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ

    โดยมี 5 เสาหลักที่ต้องอัดฉีดเศรษฐกิจ ได้แก่ 1.จุดพลุบริโภค หลังออกโครงการคนละครึ่งพลัส จะตามมาด้วยมาด้วยมาตรการส่งเสริมการเที่ยวเมืองรอง ใช้ภาษีช่วยโรงแรมในเมืองรองให้รีโนเวตที่พัก เพื่อยกระดับมาตรฐานและดึงดูดการท่องเที่ยว  2. ใช้เงินกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) 26,000 ล้านบาทแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และนำไปปรับโครงสร้างหนี้ผ่านบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เพื่อลดภาระผ่อนต่อเดือน เช่น จาก 10,000 บาท อาจเหลือ 2,000 บาท 3.กู้ชีพธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งกรมสรรพกรจะเร่งคืนเงินภาษีที่ค้างจ่ายให้ทันที โดยคืนไปก่อน 60% แล้วค่อยตรวจสอบภายหลัง (Post-Audit) ซึ่งเคยทำสำเร็จในช่วงโควิด-19 เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องขาด และจะใช้ระบบดิจิทัลช่วยเอสเอ็มอีที่ทำงานกับภาครัฐให้นำยอดขายที่ค้างอยู่มาขอสินเชื่อได้ทันที

4.เติมเต็มการออม-หวยเกษียณ คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีระบบเงินออมรองรับวัยเกษียณ รัฐบาลจึงเตรียมออกแนวคิดเติมเต็มหวยเกษียณที่ทำอยู่แล้ว  โดยแบ่งเงินบางส่วนจากการถูกกินของสลากฯ มาเก็บสะสมให้ผู้ซื้อสลาก โดยผู้ซื้อจะเบิกได้เมื่ออายุ 55 ปี และสามารถนำเงินสะสมดังกล่าวไปใช้เป็นหลักประกันการขอสินเชื่อ และเสาที่ 5.ปั้นการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่หรือ New S-Curve ผ่านโครงการ Fast Pass เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน แล้วแต่ยังค้างท่ออยู่กว่า  470,000 ล้านบาท ให้ดำเนินการได้จริง

. “ตรึงดีเซล-ค่าไฟ-ก๊าซ”เร่ง Net Zero

ด้านนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน ได้ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "The Future Energy ทิศทางพลังงานไทย"โดยประกาศแผนบริหารจัดการพลังงานที่มุ่งเน้นความสมดุล 3 ด้าน คือ ความมั่นคงทางพลังงาน สิ่งแวดล้อม และราคาที่เข้าถึงได้ทางเศรษฐกิจ พร้อมตั้งเป้าหมายทำโครงการ "Quick Big Win" ในช่วง 4 เดือน

“ภารกิจเร่งด่วนของกระทรวงพลังงานคือการสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคและไม่สร้างภาระเพิ่ม โดยจะตรึงราคาพลังงานที่จำเป็นไว้ทั้งหมด ในช่วงสั้นนี้ ได้แก่ ก๊าซหุงต้ม, น้ำมันดีเซล และค่าไฟ และหากมีโอกาสก็จะพยายามลดราคาลง ดังเช่นที่เพิ่งลดราคาดีเซลไป”

ขณะที่ระยะยาว ตั้งใจจะประกาศเลื่อนเป้าหมาย Net Zero ให้เร็วขึ้นจากปี 2065 เป็น ปี 2050 เพื่อให้แข่งขันได้ในเวทีอาเซียน ซึ่งหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ ลาว มาเลเซีย เวียดนาม และบรูไน ได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero ไปแล้ว โครงการพลังงานที่ถูกผลักดันนี้ถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.1.โซลาร์ฟาร์มสำหรับชุมชน 2. โซลาร์สูบน้ำเพื่อเกษตรกร 3.อุดหนุนครัวเรือนติดตั้งโซลาร์ ให้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 200,000 บาทโดยมีเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจรวมกว่า 700,000 ล้านบาท สร้างงานกว่า 16,000 คน และช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ในระบบได้ 11 ล้านตันคาร์บอน  กระทรวงฯ ยังเร่งผลักดัน Direct PPA 2,000 เมกะวัตต์ สำหรับอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่ม Data Center ที่มีความต้องการไฟฟ้าสูง และเร่งจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ให้สอดคล้องกับเป้า Net Zero 

    

 



Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ