ดีกว่าไม่ทำอะไร!!

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ดีกว่าไม่ทำอะไร!!

Date Time: 9 ต.ค. 2568 04:03 น.

Summary

เรียกเสียงชื่นชมยินดี!! ได้มากกับการ “ลดค่าครองชีพ” คนไทย โดยเฉพาะการลดรายจ่ายจากราคายาของโรงพยาบาลเอกชน ที่แพงมหาโหด ยาบางตัวมีกำไรเกิน 100%

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

เรียกเสียงชื่นชมยินดี!! ได้มากกับการ “ลดค่าครองชีพ” คนไทย โดยเฉพาะการลดรายจ่ายจากราคายาของโรงพยาบาลเอกชน ที่แพงมหาโหด ยาบางตัวมีกำไรเกิน 100%

ถือเป็น 1 ใน 7 นโยบายเร่งด่วนของ “นางศุภจี สุธรรมพันธุ์” รมว.พาณิชย์ ภายใต้ Quick Big Win ของรัฐบาล ที่ต้องทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในเวลาสั้น และเกิดประโยชน์กับประชาชนเป็นวงกว้าง

“กรมการค้าภายใน” จะดำเนินการภายใต้โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” โดยร่วมมือกับ “กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ” “สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา” และ “สมาคมโรงพยาบาลเอกชน”

แนวทาง คือ “ขอความร่วมมือ” โรงพยาบาลเอกชน “เปิดเผยราคายา” ให้ประชาชนทราบ ก่อนตัดสินใจ “ยอมจ่าย” หรือขอใบสั่งยาไปซื้อจากร้านขายยานอกโรงพยาบาล ที่ราคาถูกกว่า

ล่าสุด 7 ก.ย.68 “นายวิทยากร มณีเนตร” อธิบดีกรมการค้าภายใน เชิญทั้ง 3 หน่วยงาน มาหารือ พร้อมระบุว่า โรงพยาบาลเอกชน 9 เครือ จาก 11 เครือ และโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่มีเครือ รวม 300 แห่ง จากทั้งหมด 354 แห่ง ยินดีเข้าร่วม ส่วน 10 ก.ย.นี้ จะเชิญร้านขายยามาหารือถึงการเข้าร่วมโครงการด้วย

ทั้งนี้ จะมีพิธีลงนาม MOU ระหว่าง 4 หน่วยงาน วันที่ 28 ต.ค.68 โดยมีนายกฯ รมว.พาณิชย์ รมว.สาธารณสุข เป็นสักขีพยาน คาดจะลดภาระค่าใช้จ่ายได้ 32,400 ล้านบาทต่อปี

ในเฟส 2 จะขยายไปยัง “คลินิก” ต่างๆ และ “ควบคุมโครงสร้างต้นทุน” เวชภัณฑ์ เช่น ผ้าก๊อซ สำลี ถุงมือยาง ชุดตรวจ ATK ฯลฯ ให้เหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพได้เพิ่มอีก 1,100 ล้านบาทต่อปี

นับว่าเป็นมาตรการที่ดีมากๆ แต่!!! หลายคนอาจลืมไปแล้วว่า การ “เปิดเผยราคายาก่อนจ่าย” มีอยู่แล้ว และใช้มาตั้งแต่ปี 62 ช่วงที่ “นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” นั่งเป็น รมว.พาณิชย์ ในยุคนั้น อาจเรียกได้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นของการกำกับดูแลราคายา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์อย่างจริงจัง

ถึงขั้น “คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ” ไฟเขียวให้ “ยา-เวชภัณฑ์-บริการทางการแพทย์” เป็นสินค้าและบริการควบคุม ภายใต้ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 พร้อมตั้งคณะอนุกรรมการกำหนดมาตรการดูแล ซึ่งได้รับความเห็นชอบจาก ครม.

และคณะอนุกรรมการชุดนี้ได้ออกมาตรการ เช่น โรงพยาบาลเอกชนต้องเปิดเผยราคายาผ่านเว็บไซต์ dit.go.th และให้สแกน QR ได้ เพื่อให้ประชาชนเปรียบเทียบราคาของแต่ละแห่ง, เปิดเผยราคายาก่อนจ่าย, ออกใบสั่งยาให้ไปซื้อยานอก ฯลฯ จนถึงขณะนี้ก็ยังใช้อยู่ แต่อาจลืมไปแล้ว ทำให้โรงพยาบาลเอกชนอาจไม่ได้ดำเนินการจริงจัง และประชาชนไม่ได้รักษาสิทธิตนเองอย่างเต็มที่

แม้ว่าโครงการนี้เป็นเรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่ เหมือน “เหล้าเก่าในขวดใหม่” แต่ก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่กระทรวงพาณิชย์จะกลับมาดำเนินการอย่างจริงจังอีกครั้ง

แต่ดีที่สุด “กรมการค้าภายใน” ควรวิเคราะห์โครงสร้างต้นทุนให้รู้ว่า มี “ต้นทุนแฝง” ใด ที่โรงพยาบาลเอกชนปรับลดได้บ้าง เพื่อให้ราคายา เวชภัณฑ์ บริการทางการแพทย์ เป็นธรรมกับประชาชนอย่างแท้จริงในระยะยาว!!

 ฟันนี่เอส

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ