
นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้ประชุมร่วมกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และ ยา (อย.) เพื่อร่วมกันทำโครงการสุขกาย สบายกระเป๋า โดยจะเปิดเผยราคายา และเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน เลือกซื้อยาจากนอกโรงพยาบาลได้ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน ถือเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องเร่งทำให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยปัจจุบันมีโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการแล้ว 9 เครือ 354 แห่งทั่วประเทศ เช่น เครือกรุงเทพดุสิตเวชการ (บีดีเอ็มเอส) เครือธนบุรี ,เครือบางกอกเชน (เกษมราษฎร์), โรงพยาบาลบางปะกอก-ปิยะเวท , รามคำแหง-วิภาราม , พริ้นซิเพิล, โรงพยาบาลนวมินทร์ ,โรงพยาบาลสินแพทย์ และร.พ.จุฬารัตน์
ขณะที่ร้านขายยาทั่วประเทศที่จะให้ประชาชนจะซื้อยาได้มีอยู่ 20,099 ร้าน โดยในวันที่ 10 ต.ค.นี้จะหารือถึงรายละเอียดคุณสมบัติของร้านที่จะเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ สำหรับยาที่จะให้ผู้ป่วยสามารถซื้อที่ร้านยาได้จะครอบคลุมยาเกือบ 90% ทั้งป่วยทั่วไป หรือป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน ที่ต้องใช้ยาแบบเดิมอยู่ประจำก็สามารถขอใบสั่งยาแล้วไปซื้อยานอกโรงพยาบยาลได้ ซึ่งรวมถึงเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ส่วนโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง หัวใจ ควรให้แพทย์เป็นคนสั่งจ่ายยาเพราะยาบางชนิดไม่มีในร้านขายยา ทั้งนี้ ผู้ป่วยจะต้องแจ้งความประสงค์กับแพทย์ผู้ทำการรักษาว่าต้องการไปซื้อยานอกโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ออกใบสั่งยา
“จะมีการจัดพิธีลงนามความร่วมมือ (MOU) เโครงการสุขกาย สบายกระเป๋า ในวันที่ 28 ต.ค.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานแถลงข่าว ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นการดำเนินการในเฟสแรก คาดว่า จะสามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้ประชาชนได้ 32,400 ล้านบาทต่อปี และลดความแออัดของ โรงพยาบาล รัฐ อีกทั้งยังทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการของโรงพยาบาลเอกชนได้มากขึ้น”