ธนาคารโลกจี้แก้ปัญหาแรงงาน-คนจน คาดปี 68 ไทยโต 2% แพ้ลุ่ยเวียดนาม-ฟิลิปปินส์-กัมพูชา-อินโดฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารโลก (World Bank) ได้ประกาศรายงานอัปเดทเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ประจำเดือนตุลาคม 2568 โดยคาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคโดยรวมจะอยู่ที่ 4.8% ในปีนี้ ลดลงเล็กน้อยจาก 5.0% ในปี 2567  เวียดนามเป็นผู้นำเติบโตที่ 6.6% ตามด้วยมองโกเลีย 5.9% ฟิลิปปินส์ 5.3% ขณะที่จีน กัมพูชา และอินโดนีเซีย คาดว่าจะเติบโตเท่ากันที่ 4.8% ส่วนกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกจะเติบโต 2.7% และประเทศไทยเติบโต 2.0% ซึ่งถือเป็นอันดับต่ำสุดในภูมิภาค

ทั้งนี้ ธนาคารโลก ประเมินว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่เคยประสบความสำเร็จในอดีตกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ โดยเฉพาะจากการเติบโตของการจ้างงานที่ส่วนใหญ่อยู่ในภาคบริการที่มีผลิตภาพต่ำ และมักเป็นงานนอกระบบ โอกาสก้าวหน้าน้อย นอกจากนี้ คนหนุ่มสาวยังคงประสบปัญหาในการหางาน อีกทั้งผู้หญิงมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานน้อยกว่าผู้ชาย โดยแม้จะมีการคาดว่าจะมีประชากร 25 ล้านคนหลุดพ้นความยากจนในปี 2568-2569 แต่สัดส่วนของประชากรที่เสี่ยงต่อการกลับไปยากจนกลับมีจำนวนมากกว่าชนชั้นกลางในหลายประเทศของภูมิภาคนี้

 รายงานยังระบุด้วยว่า ตัวชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายตัวบ่งชี้ถึงแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจของประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ รวมทั้งไทย โดยแม้ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนโควิด การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังแข็งแกร่ง แต่ความเชื่อมั่นทางธุรกิจอยู่ในระดับต่ำ การส่งออกขยายตัวเร็วขึ้นก่อนการขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ  แต่คำสั่งซื้อใหม่เพื่อส่งออกกลับอ่อนแอลง ทำให้แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกในปี 2569 จะชะลอตัวลงสู่ 4.3% เนื่องจากข้อจำกัดทางการค้าที่สูงขึ้นและความไม่แน่นอนทั่วโลกที่ยังคงมีอยู่จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกโตช้าลง นอกจากนี้ นโยบายภายในประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ยังคงพึ่งพาการกระตุ้นทางการคลังแทนการปฏิรูปโครงสร้าง ก็เป็นปัจจัยลบต่อการขยายตัวเช่นกัน

นายคาร์ลอส เฟลิเป้ ฮารามิโย รองประธานธนาคารโลก ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวว่า ภูมิภาคนี้กำลังเผชิญกับความย้อนแย้งด้านการจ้างงาน กล่าวคือ มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ขาดแคลนการสร้างงานที่มีคุณภาพ การปฏิรูปอย่างกล้าหาญเพื่อขจัดอุปสรรคต่อการเข้าสู่ตลาดและการแข่งขันของภาคธุรกิ จะช่วยเปิดทางให้กับเงินทุนภาคเอกชน และเอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจที่มีศักยภาพและผลิตภาพสูง นำไปสู่การสร้างโอกาสการจ้างงานใหม่ ๆ โดยธนาคารโลกยังสนับสนุนความมุ่งมั่นของภูมิภาคนี้เพื่อการเติบโตอย่างทั่วถึง