
8 ต.ค. 68 หลายฝ่ายจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่าจะคงหรือลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง หลังจากเศรษฐกิจไทยอาจโตแผ่วๆ ไปจนถึงสิ้นปี และยังต้องเผชิญความท้าทายอีกหลายด้าน โดยการประชุมครั้งนี้จุดเปลี่ยนที่ชัดเจนคือมี วิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ และกรรมการใหม่อีก 2 ท่านเข้าร่วม
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อไทยที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ การส่งออกมีสัญญาณแผ่วลงชัดเจนจากมาตรการภาษีศุลกากรสหรัฐฯ การผลิตซบเซาและท่องเที่ยวอ่อนแรง ทางกรุงศรี คาดว่าในการประชุมวันที่ 8 ต.ค. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 1.25% แต่เชื่อว่ากลไกการส่งผ่านของการผ่อนคลายนโยบายการเงินสู่ภาคเศรษฐกิจจริงต้องใช้เวลา ส่วนฝั่งมาตรการทางการคลังชุดใหม่เพื่อกระตุ้นการบริโภคยังไม่มีผลบังคับใช้
ขณะที่ ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยผลสำรวจการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย โดยการประชุมวันที่ 8 ตุลาคมนี้คนส่วนใหญ่กว่า 55% มองว่ากนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.50% และอีก 45% มองว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลง 0.25% เหลือ 1.25% ส่วนช่วงที่เหลือของปี 2568 คนส่วนใหญ่มองว่า กนง.จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายราว 1-2 ครั้ง รวม 0.25-0.50% เหลือ 1.00-1.25% จากปัจจุบันที่ 1.50%
ฟากฝั่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยคาดการณ์ต่อการประชุมกนง. รอบ 8 ตุลาคมนี้ว่าจะ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% หลังจากการปรับลด 0.25% ในการประชุมรอบก่อนหน้าเมื่อเดือน ส.ค. และตลอดทั้งปีนี้ปรับลดดอกเบี้ยฯ รวมแล้ว 0.75% โดยช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นฝั่งธนาคารพาณิชย์ทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตาม ซึ่งช่วยลดต้นทุนทางการเงินและบรรเทาภาระหนี้ของภาคธุรกิจและครัวเรือนในระดับหนึ่ง ภายใต้ขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (policy space) ที่เหลือน้อยลง
ดังนั้น แม้เศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง แต่คาดว่ากรรมการส่วนใหญ่อาจเลือกคงดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อรอดูผลจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงก่อนหน้า และเก็บกระสุนนโยบายการเงินไว้ใช้ในจังหวะเหมาะสม รวมถึงต้องติดตามว่า ธปท. อาจพิจารณาใช้มาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นสูง
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ในการประชุมเดือนธันวาคม 68 เพื่อสอดคล้องกับนโยบายทางการคลัง (เช่น คนละครึ่งพลัส, การลดค่าพลังงาน-ค่าโดยสาร, รักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร หนุนเที่ยวเมืองรอง) ที่จะมาประคองเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4/2568 เพราะเป็นไตรมาสที่เจอแรงกดดันจากการส่งออกที่ชะลอตัว ทั้งจากเศรษฐกิจโลกและการท่องเที่ยวที่อ่อนแรงลง รวมถึงผลกระทบจากการเร่งส่งออกเลี่ยงภาษีทรัมป์เมื่อต้นปี แต่ยังต้องติดตามความคืบหน้าของมาตรการต่างๆ อย่างใกล้ชิด
เมื่อมองไปถึงปี 2569 คาดว่าช่วงครึ่งปีแรก กนง. อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยยังคงการดำเนินนโยบายการเงินอย่างผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะให้น้ำหนักกับความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งต่างจากคณะกรรมการชุดก่อนที่มุ่งเน้นด้านเสถียรภาพทางการเงินเป็นหลัก
อ่านข่าวด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/business_marketing