“ดีอี”สั่งคุมเข้มสแกนม่านตารับเงินดิจิทัล  ให้ PDPC ตรวจสอบละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

“ดีอี”สั่งคุมเข้มสแกนม่านตารับเงินดิจิทัล ให้ PDPC ตรวจสอบละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

Date Time: 6 ต.ค. 2568 06:54 น.

Summary

นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส./PDPC) ตรวจสอบกรณีการชักชวนให้ประชาชนสแกนม่านตาเพื่อแลกเหรียญดิจิทัล เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยและการนำข้อมูลไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งอาจเข้าข่ายละเมิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562. สคส.ได้ร่วมหารือกับบริษัท Tools for Humanity และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกำหนดแนวทางสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การแสดงหลักฐานการจัดเก็บและการทำลายข้อมูลเมื่อพ้นวัตถุประสงค์ การควบคุมการรับจ้างสแกนพร้อมการเตือนประชาชน และความโปร่งใสในการขอความยินยอม ทั้งนี้ สคส.ได้รับคำสั่งให้ลงพื้นที่ตรวจสอบหลายแห่งที่ไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์หรือเตือนว่าข้อมูลเป็นชีวมิติ เพื่อพิสูจน์ว่ากิจกรรมดังกล่าวไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วม

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

นายไชยชนก ชิดชอบ รมว. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า จากกรณีที่มีการชักชวนให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมสแกนม่านตาเพื่อรับสินทรัพย์ดิจิทัล (เหรียญเงินคริปโทเคอร์เรนซี) จนทำให้เกิดความกังวลในประเด็นเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และอาจมีการนำข้อมูลนั้นไปใช้ผิดวัตถุประสงค์นั้น ตนได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC ตรวจสอบกรณีนี้อย่างใกล้ชิด โดยเน้นให้ความสำคัญเรื่องของการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

ซึ่งที่ผ่านมา สคส. ได้มีการแจ้งเตือนภัยถึงการสแกนม่านตาแลกเหรียญดิจิทัล เพราะข้อมูลม่านตาเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) โดยสคส. ได้ร่วมหารือกับบริษัท ทูลส์ ฟอร์ ฮิวแมนนิตี้ (Tools for Humanity - TFH)  บริษัทเจ้าของโครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบ ติดตาม และวางแนวทางร่วมกัน โดยมีสาระที่สำคัญ 3 ประการ คือ 1.การจัดเก็บและทำลายข้อมูล

บริษัทต้องแสดงให้เห็นว่าข้อมูลม่านตาจะถูกลบหรือทำลายทันทีเมื่อหมดวัตถุประสงค์ พร้อมส่งเอกสารยืนยันกระบวนการต่อสคส. 2.การควบคุมการรับจ้างสแกนม่านตา โดยต้องเตือนประชาชนให้ไตร่ตรองให้รอบคอบ เพราะมีข้อมูลในสื่อสาธารณะ เรื่องที่มาที่ไปของข้อมูลและแหล่งเงิน ควรต้องรอให้หน่วยงานตรวจสอบอย่างชัดเจน พร้อมขอให้บริษัทผู้ให้บริการรายงานหลักฐานเกี่ยวกับกรณีนี้ 3. ความโปร่งใสในการขอความยินยอม ผู้ให้บริการต้องเปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วนว่าข้อมูลจะถูกใช้อย่างไร แปลงเป็นรหัสรูปแบบไหน มีการป้องกันข้อมูลอย่างไร และต้องได้รับความยินยอมอย่างแท้จริงจากผู้ใช้

นายไชยชนก กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ สคส. ลงพื้นที่ตรวจสอบ เพื่อพิสูจน์ให้แน่ชัดว่ากิจกรรมดังกล่าวจะไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนที่ร่วมกิจกรรม เนื่องจากพบว่า หลายแห่งไม่ได้มีการระบุข้อมูลสำคัญด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และไม่ระบุวัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูลม่านตาอย่างชัดเจน ตลอดจนไม่มีการแจ้งเตือนว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลชีวมิติที่สามารถระบุตัวตนได้ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวอาจเข้าข่ายการละเมิด พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ