กลุ่มเหล็กชงแนวทางแก้ไข มอก. หวังยกระดับมาตรฐานป้องกันปัญหาคุณภาพเพื่อความปลอดภัย

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

กลุ่มเหล็กชงแนวทางแก้ไข มอก. หวังยกระดับมาตรฐานป้องกันปัญหาคุณภาพเพื่อความปลอดภัย

Date Time: 3 ต.ค. 2568 07:00 น.

Summary

กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ส.อ.ท. เสนอแนวทางแก้ไข มอก. เหล็กเส้น ยกระดับมาตรฐานเหล็กไทยไปอีกขั้น ป้องกันปัญหาคุณภาพ สร้างมาตรฐานที่เชื่อถือได้ในความปลอดภัยของสิ่งก่อสร้างของประเทศ

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

นายบัณฑูรย์ จุ้ยเจริญ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากผลการศึกษาของคณะทำงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก โดยรวบรวมข้อมูลทางวิชาการและถอดบทเรียนจากประเทศจีน เพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการแก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เหล็กเส้น ที่ขณะนี้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กำลังทบทวน คือ มอก. 20-2559 เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เหล็กเส้นกลม และ มอก. 24-2559 เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เหล็กข้ออ้อย ทั้งนี้เพื่อสร้างมาตรฐานเหล็กเส้นไทยที่ให้ความมั่นใจในความปลอดภัย หลังพบการรายงานปัญหาคุณภาพของเหล็กเส้นที่ผลิตจาก Induction Furnace (IF) และเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในกรุงเทพฯ


ปัจจุบันประเทศไทยผลิตเหล็กเส้นก่อสร้างประมาณปีละ 3 ล้านตันเศษ โดยในปี 2567 มีเหล็กจาก IF ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่าครึ่ง กล่าวคือประมาณ 1.6 ล้านตัน เหล็กจาก EAF (Electric Arc Furnace) ประมาณ 1.2 ล้านตัน และจากการนำเข้าบิลเล็ตรีดเป็นเหล็กเส้นอีกประมาณ 0.3 ล้านตัน โดยเหล็กจาก IF ขายราคาต่ำจึงมีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุด


ข้อจำกัดหลักด้านคุณภาพ คือ เตา IF ไม่มีระบบออกซิเดชันและการสร้างสแลก (slag) สำหรับกำจัดหรือดูดซับสารมลทิน เช่น ฟอสฟอรัส กำมะถัน และสิ่งเจือปนที่มากับเศษเหล็ก ทำให้ควบคุมคุณสมบัติทางเคมีตลอดจนปริมาณของสารมลทินและสิ่งเจือปนได้ยาก อีกทั้งลักษณะของการหลอมด้วยการเหนี่ยวนำทางไฟฟ้าที่เตา IF มีการกวนวนต่ำ ทำให้ควบคุมความสม่ำเสมอของเนื้อเหล็กได้ยาก ส่งผลให้คุณสมบัติทางกลของเหล็ก เช่น ความเหนียว ความต้านแรงดึง และความแข็งแรง ไม่สม่ำเสมอ หากต้องการการควบคุมเนื้อเหล็กให้ได้คุณสมบัติเหล็กเส้นที่ดี ต้องเข้มงวดเลือกใช้เศษเหล็กคุณภาพดีและต้องมีการปรับปรุงคุณภาพน้ำเหล็กหรือ refining ในเตาปรุง เช่น Ladle Furnace แต่ในทางปฏิบัติ ประเทศไทยขาดแคลนเศษเหล็กคุณภาพดี และโรงงาน IF ในประเทศเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ติดตั้งเตาปรุง Ladle Furnace (LF)


สำหรับบทเรียนจากประเทศจีนนั้น จีนเคยเป็นผู้ผลิตเหล็กเส้น IF รายใหญ่ที่สุดในโลกด้วยกำลังการผลิตปีละกว่า 120 ล้านตัน แต่พบปัญหาเหล็กเส้นคุณภาพต่ำมีความเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุร้ายแรง เช่น อาคารและสะพานถล่ม รัฐบาลจีนจึงตัดสินใจปิดโรงงาน IF กว่า 600 แห่งในปี 2560 และปรับมาตรฐานเหล็กเส้นจีน (GB 1499-2018) กำหนดให้ผลิตเหล็กเส้นจาก BOF (Basic Oxygen Furnace) หรือ EAF เท่านั้น พร้อมทั้งกำหนดคุณสมบัติเหล็กเส้นเกรดรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว และได้ปรับมาตรฐานให้เข้มงวดมากขึ้นในปี 2024 (GB 1499-2024) กำหนดให้เหล็กเส้นเกรดรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวต้องผ่านการปรุงคุณภาพน้ำเหล็กแบบ external refining และไม่ให้ใช้วิธีการเพิ่มความแข็งแรงของเหล็กเส้นด้วยการชุบแข็งแบบ Tempcore ทั้งนี้ เมื่อดูไทม์ไลน์สำคัญของจีน ได้มีการทยอยยกเลิกการผลิต strip steel (ซึ่งเป็นชื่อเรียกของเหล็กจากเตา IF) และปิดโรงงานประเภทนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นเหตุผลหลัก 3 ประการ คือ 1. ความเสี่ยงคุณภาพสูง: strip steel ไม่สามารถควบคุมส่วนประกอบและคุณสมบัติทางกลได้ 2. ปัญหาสิ่งแวดล้อม: โรงงาน IF ไม่มีมาตรการรักษาสิ่งแวดล้อม และ 3. ความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน: การไม่มีต้นทุนในการรักษาคุณภาพและสิ่งแวดล้อมทำให้ผลิตสินค้าราคาต่ำกว่า ส่งผลให้สินค้าที่มีมาตรฐานแข่งขันไม่ได้


สำหรับประเทศไทย จาก มอก. 20-2543 (เหล็กเส้นกลม) และ มอก. 24-2548 (เหล็กเส้นข้ออ้อย) เดิมกำหนดขอบข่ายให้เหล็กเส้นต้องผลิตจาก BOF, EAF หรือ เตา Open Hearth เท่านั้น แต่ในปี 2559 (1 ปีก่อนประเทศจีนยกเลิกเตา IF สำหรับผลิตเหล็กเส้นในปี 2560) มีการปรับแก้เป็น มอก. 20-2559 และ 24-2559 โดยยกเลิกขอบข่ายการผลิตเดิม เปิดกว้างให้มีกรรมวิธีอื่นๆ (รวมถึง IF ที่มีการย้ายฐานเข้ามาในช่วงเวลานั้น) โดยได้เพิ่มข้อกำหนดด้านการคัดเลือกเศษเหล็ก, การควบคุมส่วนประกอบทางเคมีทุกขั้นตอน, การมีกระบวนการทำน้ำเหล็กให้บริสุทธิ์ (refining process) เช่น มีเตาปรุง (Ladle Furnace) เพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำเหล็กและขจัดสารฝังใน (inclusion) และการมีมาตรการจัดการสิ่งแวดล้อม เป็นต้น


อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดดังกล่าวหลายส่วนคลุมเครือ ไม่เกิดประสิทธิผล เช่น ‘การกำหนดให้มีกระบวนการทำน้ำเหล็กให้บริสุทธิ์ เช่น มีเตาปรุง (Ladle Furnace)’ นั้น โรงงาน IF ส่วนใหญ่ในประเทศไทย ไม่มีเตาปรุง


เมื่อพิจารณาจากกรณีศึกษาของการยกระดับมาตรฐานเหล็กเส้นในประเทศจีน เป็นการกำจัดความเสี่ยงด้านคุณภาพเพื่อรองรับการก่อสร้างโครงการพื้นฐานที่ก้าวหน้าทันสมัยทั่วประเทศจีนทั้งถนน ทางด่วน ระบบขนส่งมวลชน รถไฟความเร็วสูง สะพานสูงใหญ่เชื่อมเส้นทางในหุบเขาในเขตแผ่นดินไหว เขื่อนขนาดใหญ่ ตลอดจนอาคารสูง สำนักงานและที่พักอาศัย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลาประมาณ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้จีนได้รับรู้ถึงปัญหาเกี่ยวกับการใช้วัสดุเหล็กจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงมาตรฐานเหล็กเส้นครั้งใหญ่ของจีนที่เป็นรากฐานสำคัญต่อความมั่นคงปลอดภัยสำหรับสาธารณชน


ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากบทเรียนของประเทศจีน กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ส.อ.ท. สรุปผลการศึกษาเสนอให้การแก้ไข มอก. พิจารณาในสาระสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1. กำหนดวิธีการผลิตให้ใช้เฉพาะเตา BOF หรือ EAF และกำหนดเหล็กเกรดรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่ต้องมีการปรุงคุณภาพน้ำเหล็กแบบ external refining; 2. ไม่ให้ใช้วิธีเพิ่มความแข็งแรงของเหล็กเส้นด้วยการชุบแข็งแบบ Tempcore; 3. ยกระดับคุณสมบัติและการทดสอบเหล็กเส้นที่ทนต่อความล้า (Fatigue) จากการสั่นสะเทือนทั้งรอบสูงและรอบต่ำจากแผ่นดินไหว; 4. เพิ่มระบบตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการผลิตและจำหน่ายเหล็กเส้นด้อยคุณภาพเข้าสู่ตลาด


“การแก้ไข มอก. ครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมมาตรฐานเหล็กไทยไปอีกขั้น เพื่อป้องกันปัญหาคุณภาพ สร้างมาตรฐานที่เชื่อถือได้ในความปลอดภัยของสิ่งก่อสร้างของประเทศ”


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ