ภาคเอกชนมองอย่างไร?เมื่อเศรษฐกิจไทยถูกปรับ Outlook เป็นNegative ทุนเทา-คอร์รัปชั่น ปัญหาที่ต้องสาง

Economics

Thai Economics

Tag

ภาคเอกชนมองอย่างไร?เมื่อเศรษฐกิจไทยถูกปรับ Outlook เป็นNegative ทุนเทา-คอร์รัปชั่น ปัญหาที่ต้องสาง

Date Time: 1 ต.ค. 2568 14:43 น.

Video

เมื่อเด็ก ป.6 (11 ขวบ) สร้างรายได้ "หลักแสน" แซงหน้าคนทำงาน! l Money Secret EP.12

Summary

ฟังเสียงจากธุรกิจไทย เมื่อ Fitch ปรับ Outlook เศรษฐกิจไทย เป็น Negative วิเคราะห์สัญญาณเตือน และเจาะปัญหาโครงสร้างที่ต้องแก้ไข ก่อนที่จะสายเกินไป"ทุนเทา-นักท่องเที่ยวคุณภาพต่ำ-คอร์รัปชั่น"

Latest


การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองทำให้หลายฝ่ายมองเห็น “แสงสว่างเล็ก ๆ” ต่อเศรษฐกิจไทย และดูเหมือนว่ารัฐบาลเฉพาะกิจที่มีอายุเพียง 4 เดือน กำลังสร้างความประทับใจให้ภาคเอกชนไม่น้อย ด้วยการเปิดเวที ร่างพิมพ์เขียว Reinvent Thailand เพื่อรับฟังข้อเสนอจากนักธุรกิจโดยตรง และเลือกนำนโยบายหลายข้อบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรม

ซึ่งแม้ปัจจุบัน จะยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลลัพธ์ แต่บรรยากาศเชิงบวกนี้ได้จุดประกายความหวังว่า รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตรงจุด มีผลงานเป็นรูปธรรม เปิดโอกาสให้กับเอกชนทำงานร่วมกัน  ก็จะสามารถสร้างแรงส่งความเชื่อมั่นให้ตลาดและนักลงทุนได้ไม่น้อย

สะท้อนจากผลการประชุมแถลง กกร. ประจำเดือน ตุลาคม 2568 ยังคงคาดเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 1.8%-2.2% ตามที่ประเมินไว้เดิม พร้อมระบุว่า หากรัฐบาลสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 ให้ได้ราว 1 ใน 3 ของงบประมาณภายในสิ้นปีนี้ กระตุ้นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้ไปถึง 34 ล้านคน 

ควบคู่ไปกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคนละครึ่งพลัส สนับสนุน SMEs และ Made In Thailand ตามแนวทาง Quick Big Win ของรัฐบาล อาจจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ให้โตได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่โต 2.5%

ไทยต้องฟังเสียงเตือนจากโลกภายนอก

อย่างไรก็ดี ขณะที่ไทยกำลังพยายามฟื้นศรัทธาภายในประเทศ โลกกลับส่งสัญญาณเตือนที่ไม่อาจมองข้าม 

  • เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอลงอย่างต่อเนื่อง โดย OECD ประเมินว่า การเติบโตปีนี้จะลดลงจาก 3.3% เหลือเพียง 2.9%
  • สำหรับไทย ผลกระทบชัดเจนที่สุดคือการส่งออก ซึ่ง UNDP คาดว่าจะหดตัวแรงถึง -12.7%
  • ค่าเงินบาทที่แข็งค่า กลายเป็นแรงกดดันซ้ำเติมทั้งผู้ส่งออกและภาคท่องเที่ยว

และที่สำคัญที่สุด แม้ Fitch Ratings ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือไทยที่ BBB+ แต่ปรับ Outlook ลงเป็น Negative ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลต่อเสถียรภาพทางการคลังและความสามารถในการสร้างรายได้ของรัฐในระยะยาว ซึ่งภาคธุรกิจไทย ได้สะท้อนความกังวลในสามแง่มุมที่ต่างกัน 

“เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตอบคำถาม Thairath Money ว่า แม้สิ่งที่เกิดขึ้นยังไม่ใช่การลดอันดับเครดิต แต่เป็น สัญญาณเตือน ซึ่งหากรัฐยังปล่อยปัญหาเชิงโครงสร้างทิ้งไว้ จะกลายเป็นความจริงในไม่ช้า

“ การปรับ Outlook ครั้งนี้ถือเป็น "Warning" หรือคำเตือนที่ต้องรีบแก้ไข หากเราสามารถแก้ไขปัญหาได้ดี ในอนาคตก็มีโอกาสที่ระดับความน่าเชื่อถือจะถูกปรับขึ้นได้ “

ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของ กกร.ที่ได้พูดคุยและรับรู้อยู่แล้ว กรณีของ Fitch Ratings ได้ชี้ให้เห็นว่ามุมมองของทั้งในประเทศและต่างประเทศนั้นสอดคล้องกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ Moody's ก็ได้ปรับมุมมองในลักษณะคล้ายกันไปแล้ว ทำให้ตอนนี้ มีราว 2 ใน 3 ของสถาบันจัดอันดับแล้ว 

ปัญหาเชิงโครงสร้าง และ ความไม่แน่นอนทางการเมือง 

ด้าน “ผยง ศรีวณิช” ประธานสมาคมธนาคารไทย ระบุว่า ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ และเป็นไปตามสิ่งที่ รองนายกรัฐมนตรี “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ”เคยแถลงว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัวลง ไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้าง จากความสามารถในการสร้างรายได้ของประเทศ หรือการเก็บภาษีที่อ่อนแอลงเรื่อยๆ ซึ่งนำไปสู่การขาดดุลงบประมาณอย่างต่อเนื่อง เมื่อเศรษฐกิจไม่เติบโต ปัญหานี้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

“สิ่งที่ต้องตระหนักคือ ความเสี่ยงหากไทยถูกลดระดับความน่าเชื่อถือ (Downgrade) จริงๆ อันดับของเราจะลงไปเท่ากับประเทศฟิลิปปินส์ “ 

เหตุการณ์นี้ตอกย้ำสิ่งที่ กกร. ได้ส่งสัญญาณเตือนมาเป็นเวลานานแล้วเกี่ยวกับความสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเป็นเรื่องที่ควรสร้างความตระหนักรู้ในวงกว้าง

ขณะที่ “ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ “ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ชี้ว่า หัวใจของปัญหานี้คือเรื่องของ "ความเชื่อมั่น" ที่ลดลง รวมไปถึง ความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบาย ซึ่งเกิดจากการที่รัฐบาลไม่มีความนิ่ง รวมถึงความไม่แน่นอนของนโยบายและการทำงาน ในช่วงก่อนหน้านี้ 

อีกทั้ง ยังเชื่อมโยงกลับไปถึงปัญหาคอร์รัปชันว่าเป็นหนึ่งในปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างรุนแรง ทำให้นักลงทุนที่จะเข้ามาในไทยต้องคิดหนัก

“ สิ่งที่น่ากังวลที่สุดไม่ใช่ตัวเลข แต่คือ ความเชื่อมั่น หากการเมืองยังไม่นิ่งและคอร์รัปชันยังลุกลาม มีผลต่อความศรัทธาของนักลงทุนต่างชาติ” 

รากลึกของปัญหา ทุนเทา-นักท่องเที่ยวคุณภาพต่ำ และ ระบบราชการ 

ภาคเอกชนใหญ่ อย่าง “เกรียงไกร” ยังขยายภาพให้เห็นรากลึกของปัญหาเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ว่ามาจากหลายปัจจัย ได้แก่ …

  • ทุนเทาและเงินผิดกฎหมาย สะสมยาวนาน บั่นทอนภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตานักลงทุน
  • คุณภาพนักท่องเที่ยวต่ำ ไทยเสี่ยงกลายเป็น “สวรรค์ของอาชญากร” มากกว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ
  • ระบบราชการล่าช้าและอุปสรรคการลงทุน การขอใบอนุญาตด้านน้ำ ไฟ หรือโครงการใหญ่ ๆ ยังเต็มไปด้วยความยุ่งยากและเปิดช่องให้เกิดการจ่ายใต้โต๊ะ
  • ผลพวงสงครามการค้า ไทยเสี่ยงถูกใช้เป็นตลาดระบายสินค้าราคาถูก โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันยากขึ้น

ทั้งหมดนี้คือแรงกดดันที่สะสมมานาน และหากไม่มีการแก้ไขเชิงโครงสร้าง จะยิ่งตอกย้ำมุมมองเชิงลบต่อเครดิตประเทศ  โดย แนวทางการแก้ไข คือ การสร้าง "ระบบ" ที่ดี เปรียบเทียบว่าหากประเทศมีกฎระเบียบที่ชัดเจนและเข้มแข็ง ก็จะเหมือน "โรงแรม 5 ดาว" หรือ "คอนเสิร์ตบัตรแพง" ที่สามารถคัดกรองคนดีและมีคุณภาพให้เข้ามาได้โดยธรรมชาติ ในขณะที่คนที่ไม่ดีก็จะเข้ามาได้ยาก หรือไม่สามารถทำอะไรผิดกฎหมายได้

ทั้งนี้ สิ่งที่ไทยต้องตั้งรับคือ หาก Fitch ตัดสินใจปรับลดอันดับเครดิตจริง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคืออะไร?

  1. ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น : ทั้งรัฐบาลและเอกชนต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงกว่าเดิม
  2. FDI ชะลอตัว : นักลงทุนต่างชาติลังเลมากขึ้น เพราะมองว่าไทยไม่ใช่ “ศูนย์กลางที่ปลอดภัย”
  3. ตลาดการเงินผันผวน : หุ้นไทย พันธบัตร และค่าเงินบาท จะเผชิญแรงสวิงรุนแรง
  4. ภาพลักษณ์ประเทศถดถอย : จากที่เคยถูกมองว่าเป็นจุดศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาค อาจกลายเป็น “ประเทศที่ไม่น่าสนใจ” ในสายตาตลาดโลก

นี่คือ “หลุมดำเศรษฐกิจ” ที่ไทยกำลังยืนอยู่ริมหน้าผา หากรัฐบาลไม่เร่งสร้างระบบเศรษฐกิจที่โปร่งใส แข็งแรง และมีวินัยทางการคลัง เสียงเตือนจาก Fitch ในวันนี้ อาจกลายเป็นความจริงที่เจ็บปวดในวันพรุ่งนี้


ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 


ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney




Author

อุมาภรณ์ พิทักษ์

อุมาภรณ์ พิทักษ์
เศรษฐกิจ การเงิน ลงทุน และ อสังหาริมทรัพย์