อยากสวย แต่เงินในกระเป๋าไม่พอ“ธุรกิจความงาม” กำลังเจอบททดสอบใหญ่ หมอใหม่-หมอเก่า แย่งฐานลูกค้า

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

อยากสวย แต่เงินในกระเป๋าไม่พอ“ธุรกิจความงาม” กำลังเจอบททดสอบใหญ่ หมอใหม่-หมอเก่า แย่งฐานลูกค้า

Date Time: 29 ก.ย. 2568 10:48 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

จากธุรกิจที่เคยหวือหวา คลินิกเสริมความงาม เริ่มชะลอ คนในวงการเตือน ปี 69 -70 จะยากสุด คลินิกเต็มเมือง แต่คนไข้ไม่เพิ่ม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ตลาดโตเพียง 1% กำไรหด เหล่าคลินิก ต้องแย่งลูกค้า

Latest


ธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามในไทย เคยถูกมองว่าเป็น “ธุรกิจทอง” ที่น่าจับตามอง ด้วยเม็ดเงินหมุนเวียนสูง ความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่หยุด และโอกาสดึงดูดผู้ประกอบการหน้าใหม่ให้เข้ามาร่วมวง แต่ท่ามกลางความหวือหวานั้น วันนี้ตลาดกำลังสะท้อนสัญญาณที่ต่างออกไปอย่างชัดเจน

ธุรกิจเสริมความงาม แนวโน้ม “ชะลอตัว” 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า มูลค่าตลาดธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามในปี 2569 จะขยายตัวเพียง 1.0% เท่านั้น จากการชะลอตัวของจำนวนการใช้บริการ และแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่จำกัดโอกาสในการขยายฐานลูกค้า ขณะในปี 2568 ตลาดประเมินว่าจะเติบโตราว 1.6% อยู่ที่ประมาณ 75,200 ล้านบาท

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่านโยบายการ “ขยายตัวทุกทาง” ของธุรกิจในอดีต มาถึงจุดที่ต้อง “เลือกที่อยู่ให้เหมาะ” มากกว่าการแข่งขันเปิดกว้างทั่วทุกพื้นที่ นอกจากนี้ กสิกรไทยยังชี้ว่า ผลตอบแทนสุทธิต่อรายได้ (Net Profit Margin) ของผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ในปี 2568–2569 คาดอยู่ในช่วง 2.0–2.4% ซึ่งต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ซึ่งเคยอยู่ที่เฉลี่ย 2.7% หมายความว่า แม้รายได้อาจขึ้นบ้าง แต่ต้นทุนการแข่งขัน โปรโมชั่น เครื่องมือ บุคลากร ฯลฯ ถูกดันให้สูงขึ้น ทำให้กำไร “เหลือให้” ได้น้อยลง

เสียงจาก “หมอในสนามจริง” เมื่อภาคธุรกิจยอมรับว่าทางไม่ง่าย

ท่ามกลางแนวโน้มบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด ยังอยู่ที่ การปรับโครงสร้างใบหน้า / บริเวณใบหน้า ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 46% ของจำนวนการใช้บริการทั้งหมด เพราะรูปแบบการทำงานของแพทย์และคลินิก กำลังปรับตัว “ลดการผ่าตัด” และเพิ่มบริการแบบไม่ผ่าตัด (โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ยกกระชับ ฯลฯ) ซึ่งแม้มีต้นทุนต่ำกว่า แต่แข่งขันเรื่องราคาและประสิทธิผลสูง

นายแพทย์ พลศักดิ์ วรไกร (หมอเปิ้ล) แพทย์ผู้ประกอบการในสายเสริมความงาม Dr.Apple Clinic ได้ออกมาโพสต์เตือนว่า ปี 2569 -2570 จะเป็นปีที่ยากลำบาก สำหรับธุรกิจนี้เขาชี้ว่า คลินิกเวชกรรมกว่า 20,000 แห่งในประเทศ ได้หันมาทำความงาม เกือบ 10,000 แห่งแล้ว และยังมีคลินิกเกิดใหม่เดือนละร้อยแห่งอีกด้วยเฉพาะในกรุงเทพฯ มีจำนวนคลินิกมากถึง 7,000–8,000 แห่ง ซึ่งเรียงรายตามห้างและถนนยาวเหยียด

โรงพยาบาลทุนเยอะ ระบบพร้อม ก็เริ่มเข้ามาทำหน้าที่เป็นคู่แข่งโดยตรง เมื่อมีผู้เล่น “เยอะเกินไป” แต่ผู้ใช้บริการไม่ได้เพิ่มตามสิ่งที่เหลือให้แข่งขัน คือ คุณภาพ ชื่อเสียง การรักษาความเชื่อถือ หมอเปิ้ลยังเตือนว่า ยุคของการ “ทำสวยเพื่อกอบโกยแล้วปิดหนี” กำลังหมดไป  ข่าวแพร่เร็ว กฎหมายเข้ม งบการตลาดสูง ใครไม่ดูแลเคสจริงจัง เสี่ยงถูกจับตาและอยู่ไม่ได้

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้บททดสอบใหญ่หนักขึ้น

  • บุคลากรแพทย์มีจำกัด: ประเทศไทยมีศัลยแพทย์ตกแต่งอยู่ไม่กี่ร้อยราย ซึ่งต้องกระจายทำงานในหลายคลินิก / โรงพยาบาล - ยิ่งมีผู้เล่นมาก ยิ่งแข่งขันแย่งแพทย์ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น 
  • การแข่งขันในประเทศและระหว่างประเทศ : คู่แข่งจำนวนมาก ไม่เพียงแต่คลินิกในไทยเท่านั้น แต่ยังมีคลินิกจากต่างประเทศที่ทำตลาดในไทย หรือบริการแบบ “ส่งออกผู้ป่วยไปทำศัลยกรรมต่างประเทศ” 
  • นวัตกรรม & เทคโนโลยี: การอัปเดตเครื่องมือและเทคโนโลยีให้ทันสมัยเป็นต้นทุนจำเป็น หากลูกค้าเข้ามาน้อย หรือมีการใช้บริการไม่สม่ำเสมอ ต้นทุนเหล่านี้อาจเป็นภาระหนัก
  • แรงกดดันทางเศรษฐกิจ: เม็ดเงินในกระเป๋าลูกค้าน้อยลง ทำให้การตัดสินใจใช้บริการชลอและคัดเลือกมากขึ้น  ผู้ประกอบการจึงต้องแข่งขันไม่ใช่แค่เรื่อง “ให้สวย” แต่ให้ “คุ้มค่า”

ทั้งหมดจึงกล่าวสรุปได้ว่า ตลาดเสริมความงามไทยกำลังเปลี่ยนผ่าน จากยุคเร่งโตแบบเปิดกว้าง มาสู่ยุค คัดเลือก และจะอยู่ได้ถ้าแข็งจริง คลินิกที่เพิ่งเริ่มต้น หรือหมอหน้าใหม่ที่จะเข้าตลาด อาจไม่พอแค่มีฝีมือดี แต่ยังต้องมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน, ต้นทุนควบคุมได้, การตลาดต่อเนื่อง, และความน่าเชื่อถือที่แข็งแรง

และสำหรับผู้บริโภคทั่วไป  เมื่อคลินิกเต็มเมืองแต่ผู้ให้บริการอัดโปรโมชั่นไม่หยุด สิ่งที่ควรใส่ใจคือ “แพทย์จริง ผลลัพธ์จริง การดูแลจริง” มากกว่าคำโฆษณาหวือหวานั่นเอง 

ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย 

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney



Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ