
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เปิดเผยเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2568 ว่า ก.ล.ต.ได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณามาตรการปฏิรูปตลาดหุ้นไทย (Taskforce) ระดมความเห็น วิเคราะห์ปัญหา และหาแนวทางในการฟื้นฟูและส่งเสริมความสามารถของตลาดหุ้นไทย ให้แข่งขันพร้อมกับมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับความท้าทาย เพื่อที่จะยังคงความสามารถในการเป็นกลไกที่สำคัญในการสร้างเสริมเศรษฐกิจไทย โดยองค์ประกอบ Taskforce มาจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง,สำนักงาน ก.ล.ต., ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ประเมินปัญหาและผลกระทบโดยคณะทำงาน (Taskforce)เพื่อออกมาตรการที่สร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย โดยออกเป็นแพ็กเกจเพื่อดึงดูดและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ลงทุน สร้างสมดุลของผู้ลงทุนรายใหญ่-รายย่อย และผู้ลงทุนต่างชาติ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
1. Quality Demand เช่น ส่งเสริมให้ประชาชนมีวัฒนธรรมการลงทุนระยะยาวผ่านบัญชีการลงทุนส่วนบุคคล เพิ่มบทบาทผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ เพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับตลาดหุ้น เป็นต้น
2.Attractive Supply เช่น การดึงดูดกิจการที่มีศักยภาพและคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ และเข้าสู่ตลาดทุนไทย การปรับขั้นตอนการออกและเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ให้กระชับ เน้น “การเปิดเผยข้อมูล” ลดขั้นตอนและลดเอกสารซับซ้อนภายใต้การคุ้มครอง ผู้ลงทุนที่เหมาะสม อีกทั้งส่งเสริมการจัดทำแผนเพื่อยกระดับมูลค่าของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) พร้อมให้ บจ.ต้องเปิดเผยแผนและผลดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม และสื่อสารกับผู้ถือหุ้นได้มี Roadmap ในการเปิดเผยข้อมูล ESG ตามมาตรฐาน ISSB เพื่อดึงดูดผู้ลงทุนที่คำนึงถึงความรับผิดชอบด้าน ESG ในระดับสากล เป็นต้น
3.Trusted Market เช่น การสร้างความเข้มแข็ง corporate governance ของ บจ. การยกระดับการกำกับ gatekeepers เพื่อป้องปรามการกระทำที่ไม่เหมาะสม และการใช้เทคโนโลยีเพิ่มช่องทางเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของบริษัทขนาดกลาง-ย่อม-เล็ก เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของผู้ลงทุน เป็นต้น
4.Supportive Ecosystem เช่น การเสริมสร้างระบบนิเวศน์ให้เกิดการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการลงทุนของผู้ลงทุนรายย่อยรวมทั้งการให้ผู้ลงทุนต่างประเทศสามารถใช้สิทธิ e-proxy ได้สะดวกยิ่งขึ้น เป็นต้น
โดยการผนึกกำลังร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้มุ่งหวังเห็น "มาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย" ที่สัมฤทธิ์ผล สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดทุนไทยยังคงเป็นแหล่งระดมทุนและลงทุนที่ตอบโจทย์สามารถแข่งขันได้ในระดับสากลและเอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
นาง พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวว่า มาตรการที่นำเสนอจากความคิดเห็นร่วมกัน แม้ต้องใช้เวลาดำเนินการ แต่น่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและเสน่ห์ให้เกิดขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลดีกับตลาดทุนไทยในระยะยาว
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯมุ่งมั่นทำหน้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยการเสริมสร้างทั้งความน่าสนใจและความเชื่อมั่นในตลาดทุน การผนึกกำลังจากทุกภาคส่วนและมาตรการที่ร่วมกันผลักดันครั้งนี้ จะช่วยยกระดับศักยภาพของตลาดทุนไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมดึงดูดทั้งการระดมทุนและการลงทุน ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้น
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญความท้าทายทั้งจากในและนอกประเทศ สภาธุรกิจตลาดทุนไทยเชื่อมั่นว่าความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนในการดำเนินมาตรการปฏิรูปตลาดทุนครั้งนี้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางรากฐานตลาดทุน เพื่อยกระดับความโปร่งใส เสริมสร้างความเชื่อมั่น ให้กับทั้งผู้ลงทุนและผู้ร่วมตลาด และพร้อมเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน
นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า อยากให้ตลาดทุนไทยเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และสามารถรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น สิ่งสำคัญ คือ จะต้องสร้างตลาดทุนให้มีความแข็งแกร่งทุกด้าน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดทุน และทำให้ตลาดทุนมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทำให้สามารถยกระดับตลาดทุนให้แข่งขันได้ในระยะยาว