
ปัจจุบันกลุ่มแรงงานรุ่นใหม่หรือกลุ่ม Gen Z ที่เติบโตขึ้นท่ามกลางเทคโนโลยีดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาดแรงงานทั่วโลก กำลังก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักที่พร้อมจะนิยามรูปแบบของการทำงานยุคใหม่
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Jobsdb by SEEK แพลตฟอร์มหางานออนไลน์ชั้นนำของประเทศไทย ที่เชื่อมโยงผู้สมัครและตำแหน่งงานที่เหมาะสมเข้าด้วยกันในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2542 ดำเนินงานโดย SEEK ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย พบว่า Gen Z ไม่เพียงกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีคิดและวิถีการทำงาน แต่ยังสร้างมาตรฐานใหม่ให้องค์กรไทยควรเร่งปรับตัว เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการดึงดูดบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาดแรงงานของประเทศไทยในอนาคตอันใกล้
“ดวงพร พรหมอ่อน” กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK ประเทศไทย เปิดเผยถึงประเด็นนี้ว่าองค์กรไทยต้องพยายามเปิดใจและทำความเข้าใจว่า Gen Z ไม่ได้มองหางาน เพียงเพื่อค่าตอบแทน แต่พวกเขาให้ความสำคัญกับโอกาสในการพัฒนาในสายอาชีพอย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วยความยืดหยุ่นในการทำงานและคุณภาพชีวิตที่ดี
“องค์กรที่เข้าใจและสามารถสร้างวัฒนธรรมที่ตอบโจทย์ จะเป็นผู้ที่ได้เปรียบในการดึงดูดและรักษาบุคลากรรุ่นใหม่นี้ไว้ได้ ซึ่งพวกเขาจะเป็นพลังสำคัญร่วมกับเจเนอเรชันอื่นๆ ทั้ง Gen X และ Gen Y ซึ่งจะช่วยผลักดันองค์กรและภาพรวมตลาดแรงงานของประเทศไทยในอนาคต โดยองค์กรไทยสามารถเริ่มต้นการปรับตัวได้จากการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการสร้างความเข้าใจและเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานได้มากขึ้น”
สำหรับลักษณะเด่นของแรงงาน Gen Z ที่กำลังปรากฏชัดเจนในตลาดแรงงานไทย ได้แก่ การคาดหวังว่าองค์กรต้องก้าวให้ทันทั้งในแง่เครื่องมือและเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพวกเขาเติบโตมากับเทคโนโลยีดิจิทัลและคุ้นเคยกับนวัตกรรมใหม่ๆ
ทั้งยังให้ความสำคัญกับการเติบโตและเป้าหมายในสายอาชีพ มองหางานที่เปิดโอกาสให้เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ พร้อมทั้งการมีส่วนร่วมในงานที่มีคุณค่ามากกว่าการดูแค่เงินเดือนหรือผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว
กลุ่มแรงงาน Gen Z ยังให้ความสำคัญกับเรื่องความยืดหยุ่นและคุณภาพชีวิต การทำงานแบบรีโมตหรือไฮบริด การสนับสนุนด้านสุขภาพจิต และสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกงาน
ขณะเดียวกัน Gen Z ยังเลือกองค์กรที่มีค่านิยมสอดคล้องกับตัวเอง โดยเฉพาะองค์กรที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม สำหรับผู้ประกอบการ การทำความเข้าใจลักษณะเหล่านี้คือ “กุญแจสำคัญ” ในการดึงดูดและรักษาพนักงานรุ่นใหม่ที่มีความสามารถให้อยู่กับองค์กรได้
อย่างไรก็ตาม การผสมผสานแรงงานจากหลายเจเนอเรชันยังคงเป็นโจทย์ท้าทาย องค์กรไทยจำเป็นต้องหาจุดสมดุลระหว่างความคาดหวังที่ต่างกัน จึงแนะนำให้องค์กรสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกัน เช่น reverse mentoring หรือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่า ที่จะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจและช่วยเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้ องค์กรควรนำระบบการทำงานที่ยืดหยุ่นเข้ามาปรับใช้ เพื่อให้ Gen Z ได้ทำงานในแบบที่พวกเขาชื่นชอบ ขณะเดียวกันก็ยังตอบโจทย์ Gen X และ Gen Y ที่คุ้นเคยกับการทำงานในออฟฟิศ การเปิดทางเลือกที่หลากหลายควบคู่ไปกับการสื่อสารภายในที่เปิดกว้างและรับฟังความคิดเห็นกันได้อย่างต่อเนื่อง การปรับตัวในรูปแบบเหล่านี้จะช่วยให้พนักงานทุกเจเนอเรชันสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น และทำให้องค์กรสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
องค์กรที่มองข้ามแรงงานกลุ่ม Gen Z จะเสียเปรียบอย่างน้อยสองด้าน คือ ด้านนวัตกรรมและด้านมุมมองใหม่ๆ ซึ่ง Gen Z มีความถนัดเพราะเติบโตมากับเทคโนโลยีและสื่อโซเชียลมีเดีย หากกีดกันพวกเขาออกไป องค์กรอาจพลาดโอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และการปรับตัวตามสภาพตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
“อีกด้านหนึ่งคือการรองรับบุคลากรในอนาคต เนื่องจาก Gen Z กำลังจะเป็นกลุ่มหลักในตลาดแรงงาน หากไม่ปรับตัวเพื่อรองรับ องค์กรอาจต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในระยะยาว”
ในขณะเดียวกัน Jobsdb by SEEK ก็มองว่าแรงงาน Gen Z เองก็ต้องปรับตัวเช่นกัน โดยพวกเขาควรเปิดใจเรียนรู้ในการทำงานร่วมกับเจเนอเรชันอื่น และพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีควบคู่ไปกับทักษะทางสังคม (soft skills) เพื่อสร้างสมดุลในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมอย่างยั่งยืน.
เจริญสุข ลิมป์บรรจงกิจ
คลิกอ่านคอลัมน์ “The Issues” เพิ่มเติม