ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ปรับคาดการณ์ GDP ไทยปี 68 ขึ้นเป็น 1.8% จากเดิม 1.5% จับตานโยบายรัฐบาลใหม่

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ปรับคาดการณ์ GDP ไทยปี 68 ขึ้นเป็น 1.8% จากเดิม 1.5% จับตานโยบายรัฐบาลใหม่

Date Time: 9 ก.ย. 2568 15:43 น.

Video

อธิบายทีเดียวว่า ทำไมฟองสบู่ AI จะไม่แตกซ้ำรอยดอทคอม? | Digital Frontiers EP.51

Summary

ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ปรับขึ้นคาดการณ์ GDP ไทยปี 68 เป็น 1.8% จากเดิม 1.5% เพราะครึ่งหลังส่งออกชะลอตัวน้อยกว่าที่คาด แต่ยังต้องจับตานโยบายรัฐบาลใหม่

Latest


หลังจากต้นปีที่ผ่านมา ทุกศูนย์วิจัยเศรษฐกิจต่างปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยลง ตามความเสี่ยงภาษีทรัมป์และการส่งออกไทยที่จะหดตัว แต่เมื่อโลก นโยบายการค้า และหลายๆ เรื่องมีความชัดเจนมากขึ้น ก็ทำให้ภาพรวมดูดีขึ้นบ้าง

ล่าสุด นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ทางศูนย์วิจัยฯ ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย หรือ GDP ปี 2568 เพิ่มเป็น 1.8% จาก 1.5% จากแรงหนุนการเร่งส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก่อนมาตรการภาษีฯ ตามมาตรา 232 และภาษีสินค้าอ้อมผ่านประเทศที่สาม(Transshipment) มีผลบังคับใช้ 

ทั้งนี้ การส่งออกที่ชะลอตัวลงน้อยกว่าที่คาดในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ส่งผลให้ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคนั้นลดต่ำลง 

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า ยังมีความท้าทายจากผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากภาษีสหรัฐฯ (ภาษีทรัมป์) รวมถึงเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง ในฝั่งนโยบายการเงินประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าแทรกแซงความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จึงทำให้ตลาดการเงินคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยอย่างเร็วและแรง โดยเริ่มในเดือนกันยายนนี้ นอกจากนี้ ความผันผวนและความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐ เริ่มส่งผลให้การจ้างงานในสหรัฐฯ เริ่มชะลอลงและทำให้ความเชื่อมั่นต่อสกุลเงินดอลลาร์ฯ ถูกบั่นทอนลง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนมาเกือบ 10% แล้วในปี 2568 นี้

จากปัจจัยเหล่านี้ทำให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะที่เหลือของปี 2568 นั้น มองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1 ครั้งในปีนี้ ซึ่งมาควบคู่กับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะหน้าของรัฐบาลใหม่

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังต้องติดตามผลกระทบจาก ภาษีทรัมป์ โดยมีกลุ่มที่ใช้วัตถุดิบในประเทศน้อยกว่า 50% อาจเสี่ยงโดนภาษี Transshipment ของสหรัฐฯ ได้แก่ เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งทอ เคมีภัณฑ์ ซึ่งมีสัดส่วนราว 27% ของสินค้าส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ขณะที่ ประเมินว่าอัตราภาษีเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Effective rate) ของไทยน่าจะอยู่ที่ราว 26% ต่ำกว่ามาเลเซีย แต่สูงกว่าเวียดนามและอินโดนีเซีย โดยไทยมีสัดส่วนสินค้าที่โดนภาษีสูงกว่า 19% เกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ทำให้ยังเป็นโจทย์ที่ต้องเร่งดูแลภาคการผลิต เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบลูกโซ่ที่จะมีต่อธุรกิจและแรงงาน

นอกจากนี้ ผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ภายใต้ Section 232 คาดว่าจะส่งผลต่อไทยชัดเจนมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสินค้าไทยเผชิญประเด็นภาษีดังกล่าวในสัดส่วนเพียง 12.3% ของมูลค่าสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยทั้งหมด มาที่สัดส่วน 19.5% หลังการประกาศเริ่มเก็บภาษีนำเข้า Semiconductor ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงราวไตรมาส 4 ของปีนี้ ทั้งนี้ Semiconductor เป็นกลุ่มสินค้าที่จะถูกเก็บภาษีสูงถึง 100-300% แม้ว่าในรอบแรก ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มี Semiconductor เป็นส่วนประกอบ เช่น ฮาร์ดดิสก์ และคอมพิวเตอร์ จะยังไม่ถูกเก็บภาษีดังกล่าวก็ตาม ผลกระทบจากการเก็บภาษีข้างต้น คาดว่าจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออก Semiconductor ของไทยพลิกจากเติบโตด้วยเลขสองหลักในปีนี้ เป็นการหดตัวลงราว 4.8% ในปี 2569 เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ ครองสัดส่วนส่งออก Semiconductor ไทยสูงถึง 16.2%



ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ

อ่านข่าวหุ้น ข่าวทองคำ และ ข่าวการลงทุน และ การเงิน กับ Thairath Money ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/investment


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ