
น.ส. วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจภาพรวมดูเหมือนว่าจะชะลอตัวลง แต่สำหรับการค้าแบบอีคอมเมิร์ซผ่านแพลตฟอร์มอี-มาร์เก็ตเพลสอย่างลาซาด้านั้น ครึ่งแรกของปี 2568 เติบโตได้ในระดับที่น่าพอใจและใกล้เคียงกับตลาด
“นักช็อปออนไลน์ไม่ได้ซื้อของน้อยลง แต่พฤติกรรมอาจปรับเปลี่ยนไปบ้าง โดยหันมาซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ตอบโจทย์ด้านความคุ้มค่า แทนที่จะซื้อสินค้าราคาถูกแต่ไม่ทนทาน เรายังเห็นลูกค้าที่เพิ่มขึ้น จากการที่คนเข้ามาซื้อของผ่านแพลตฟอร์ม เพื่อใช้คูปองจากหลากหลายช่องทาง เพื่อให้ได้ส่วนลดเพิ่มขึ้น โดยในช่วงแคมเปญ พบว่า 50% ของคำสั่งซื้อ มีการใช้คูปองหลายต่อ โดยใช้ทั้งคูปองส่งฟรีและส่วนลดควบคู่กันไป”
น.ส.วาริสฐา กล่าวว่า ลาซาด้าอาจไม่มีนโยบายเปิดเผยยอดขาย กำไร หรือการเติบโต แต่ตัวเลขที่เปิดเผยได้สะท้อนการขยายตัวของยอดขายชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นยอดคำสั่งซื้อบน LazMall แหล่งรวมสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำของลาซาด้า ที่เพิ่มขึ้นกว่า 22% ตั้งแต่ต้นปี 2568 เช่นเดียวกับยอดการใช้จ่ายต่อครั้งผ่าน LazMall ที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งละ 1,000 บาท ขณะที่ยอดใช้จ่ายต่อครั้งทั้งแพลตฟอร์มในช่วงแคมเปญยังเพิ่มขึ้น 15% ด้วย แสดงให้เห็นว่านักช็อปจำนวนมาก เข้ามาหาซื้อสินค้าที่คุ้มราคาจากส่วนลดหลากหลายที่ลาซาด้ามอบให้
ทั้งนี้ ปี 2567 ธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยมีมูลค่า 1.1 ล้านล้านบาท เติบโต 21.7% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่ 12% และ 67% ของมูลค่า 1.1 ล้านล้านบาทดังกล่าว เป็นการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มอีมาร์เก็ตเพลส
“การเติบโตอย่างต่อเนื่องของอีคอมเมิร์ซทำให้ในปี 2568 ยอดขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซคิดเป็น 1 ใน 4 ของตลาดค้าปลีกไทยแล้ว และภายในปี 2573 คาดว่าจะเติบโตแตะ 2 ล้านล้านบาท นอกจากนั้นนักช็อปไทยยังซื้อของออนไลน์ต่อสัปดาห์สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก คิดเป็น 68.2% ของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 56.1%”
ลาซาด้ายังได้ประกาศวิสัยทัศน์การเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยุคใหม่ “Next-Level eCommerce” ด้วย 3 โฟกัสหลัก 1. คัดสรรสินค้าคุณภาพครบทุกหมวดหมู่ (High-Quality Assortment) 2. มอบประสบการณ์การช้อปที่เหนือกว่า (High-Quality Experience) 3. ดึงอินไซต์สร้างแคมเปญคุณภาพ (High-Quality Campaign)