โรงแรม-ร้านอาหารกระอัก ทุนต่างชาติสบช่องรัฐตามเกมไม่ทันตามไล่บี้

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

โรงแรม-ร้านอาหารกระอัก ทุนต่างชาติสบช่องรัฐตามเกมไม่ทันตามไล่บี้

Date Time: 2 ก.ย. 2568 10:32 น.

Summary

สศช. เปิดผลสำรวจสะเทือน ธุรกิจโรงแรม-ร้านอาหาร ถูกทุนต่างชาติแย่งลูกค้า ผู้ประกอบการไทยร้องขาดทุน! 85% ชี้ไม่ไหวแข่งทุนต่างชาติ รัฐช่วยไม่ทันเพราะมาตรการกำกับดูแลมีช่องโหว่ขนาดใหญ่

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

น.ส.วรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)  เปิดเผยว่า หลังโควิด-19 ทุนต่างชาติแห่เข้ามาขยายธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารอย่างรวดเร็ว จนผู้ประกอบการไทย 81.5% มองว่าคู่แข่งต่างชาติเติบโตเร็วมากและกว่าครึ่งหนึ่งชี้ว่าธุรกิจเหล่านี้ดำเนินการผิดกฎหมาย โดยผลสำรวจเผยให้เห็นภาพชัดของการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม เมื่อทุนต่างชาติใช้กลยุทธ์หลากหลายเพื่อครองตลาด ไม่ว่าจะเป็น การใช้นอมินีเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย การทำโปรโมชั่นราคาต่ำกว่าตลาด และการร่วมมือกันผูกขาดลูกค้า ผู้ประกอบการไทย 68% รู้สึกถูกเอาเปรียบ โดยเฉพาะธุรกิจรายเล็กที่สูญเสียลูกค้าและส่วนแบ่งตลาดไปเป็นจำนวนมาก ขณะที่ต้นทุนดำเนินงานพุ่งสูงขึ้นทั้งค่าวัตถุดิบ อุปกรณ์ และค่าแรง


“สถานการณ์ที่น่ากังวลมากกว่านั้นคือ มากกว่าหนึ่งในสามของผู้ประกอบการไทยเริ่มไม่มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ หากการแข่งขันยังคงรุนแรงขึ้น พร้อมเผชิญปัญหาการชำระหนี้และเสี่ยงขาดทุนแม้จะพยายามปรับตัวและพัฒนาธุรกิจ แต่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามหวัง เมื่อโรงแรม 67% และร้านอาหาร 58.4% ระบุว่าธุรกิจไม่ดีขึ้นเลย หรือดีขึ้นเพียงเล็กน้อย สาเหตุหลักคือข้อจำกัดด้านการเงินและการขาดพันธมิตรธุรกิจ”


รองเลขาธิการ สศช.กล่าวต่อไปว่า การรุกของทุนต่างชาติไม่ได้ส่งผลแค่เศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังกระทบชุมชนและสังคม เห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ท้องถิ่น ปัญหาสาธารณูปโภค ขยะ มลภาวะ รวมถึงปัญหาสังคมอื่นๆ เช่น การทะเลาะวิวาทและยาเสพติด อย่างไรก็ตาม ยังมีเสียงสะท้อนเชิงบวกจากผู้ประกอบการ 25.2% ที่เห็นว่าทุนต่างชาติช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและกระตุ้นให้ธุรกิจไทยพัฒนาตัวเองมากขึ้น แต่มีประเด็นใหญ่ที่ทุกฝ่ายตั้งข้อสังเกต คือ ความอ่อนแอของระบบกำกับดูแล แม้ไทยจะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ แต่ผู้ประกอบการมากกว่า 85% ยังมองว่าไม่ได้ผลจริง เมื่อเปรียบเทียบกับสิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย มาตรการของไทยยังไม่เข้มงวดเท่าที่ควร ซึ่งด้านการสื่อสารและสนับสนุน พบปัญหาไม่น้อย เมื่อผู้ประกอบการ 85.7% บ่นว่าการสื่อสารมาตรการสนับสนุนไม่ชัดเจน 84.8% เห็นว่ามาตรการที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ และ 86.7% ระบุว่าไม่ตรงกับความต้องการจริง


ทั้งนี้ สศช.เสนอแนวทางแก้ไข 2 ด้านหลัก คือ การกำกับดูแลการลงทุนต่างชาติอย่างเข้มงวด ผ่านการบังคับให้นิติบุคคลต่างชาติจดทะเบียนผ่านบริษัทที่กำหนด การรายงานผู้รับประโยชน์ที่แท้จริง การจำกัดสัดส่วนการถือหุ้น และการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันต้องเร่งสนับสนุนผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะด้านการเงิน การอบรมทักษะการบริหารจัดการ การรวมกลุ่มธุรกิจเพื่อเพิ่มความแข็งแรง รวมถึงยกระดับการสื่อสารมาตรการภาครัฐให้เข้าถึงผู้ประกอบการมากขึ้น


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ