อู่ตะเภา-เมืองการบินไม่ขยับ! UTA สุดทนจ่อยกเลิกสัญญาภายใน 1 เดือน

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่า 290,000 ล้านบาทว่า วานนี้ (1 ก.ย.) ในช่วงเย็น บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA ผู้ได้รับสัมปทานและบริหารโครงการดังกล่าว ได้ประชุมกันเป็นการภายใน เพื่อพิจารณาว่า จะตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้ต่อหรือไม่ เพราะโครงการนี้จะต้องมีการเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อมสามสนามบิน แต่ขณะนี้โครงการรถไฟความเร็วสูง มีความล่าช้า และไม่มีความชัดเจนใดๆ ซึ่งตามสัญญา จะต้องดำเนินการภายในเดือนมิ.ย. 68 จึงอยากให้ตัดเงื่อนไขการเชื่อมกับโครงการรถไฟความเร็วสูง ออกไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้ขอขยายระยะเวลาส่งหนังสือเริ่มงาน (NTP) มา 3 รอบแล้ว แม้จะเลยเวลามาแล้ว แต่ UTA ก็ยังให้เวลาอยู่ ท้ายสุดหากยังไม่ได้ข้อยุติ UTA ก็ยังคงยืนยันเรียกร้องให้ EEC จ่ายคืนเงินที่ลงทุนไปแล้วประมาณ 4,000 ล้านบาทให้ด้วย 

“ปัจจุบันครบกำหนดแล้ว แต่ยังไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งๆ ที่ลงนามสัญญามาแล้ว 5 ปี จึงถือว่าภาครัฐทำผิดข้อกำหนด บริษัท จะให้เวลาอีก 1 เดือน หากยังไม่ชัดเจนอีก จะยกเลิกสัญญา พร้อมทั้งขอเงินที่ลงทุนในโครงการนี้ไปแล้วประมาณ 4,000 ล้านบาทคืนจาก EEC ในฐานะคู่สัญญาด้วย”

นอกจากนี้ ยังจะขอให้ EEC พิจารณาปรับลดขนาดการลงทุนของ UTA ด้วย เนื่องจากแผนเดิม การพัฒนาระยะที่ 1 (เฟสแรก) จะต้องรับผู้โดยสาร 12 ล้านคนต่อปี ต่อมา UTA ต่อรองให้เริ่มต้นรองรับผู้โดยสารที่ 3 ล้านคนต่อปีก่อน เพราะปัจจุบัน ผู้โดยสารของท่าอากาศยานอู่ตะเภา มีอยู่เพียง 400,000 คนต่อปี ขณะที่อาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน ก็ยังรองรับผู้โดยสารได้ 2-3 ล้านคนต่อปี

อย่างไรก็ตาม หากจำนวนผู้โดยสารเติบโตขึ้น ก็จะทยอยขยายการลงทุนต่อเนื่องให้รองรับได้ที่ 6 ล้านคนต่อปี เพิ่มเป็น 8 ล้านคนต่อปี และ 12 ล้านคนต่อปีตามลำดับ โดยในที่สุดจะรองรับได้ 60 ล้านคนต่อปี ในปีที่ 50 ซึ่ง EEC จะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาปรับลดขนาดการลงทุนดังกล่าว แต่ที่ผ่านมา ยังไม่มีการเสนอประเด็นนี้ให้ครม.พิจารณา ประกอบกับ ขณะนี้ มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่า จะได้ข้อสรุปอย่างไร

นายพุฒิพงศ์ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการร่วมลงทุนโครงการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ใน EEC ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภากับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นั้น ล่าสุด เสนอรายละเอียดขอบเขตรูปแบบการบริหารงานโครงการให้ EEC พิจารณาแล้ว เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงานของแต่ละฝ่าย ซึ่งข้อสรุปเบื้องต้น จะแบ่งพื้นที่รับผิดชอบกัน สำหรับ BA จะรับผิดชอบพื้นที่ 30 ไร่ จากทั้งหมด 200 ไร่ วงเงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดย BA จะดำเนินการซ่อมอากาศยานลำตัวแคบ อาทิ เครื่องบินแอร์บัส A320 และแอร์บัส A319 ในขณะที่การบินไทยจะดูแลเครื่องบินลำตัวกว้าง โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะสร้างโรงซ่อมบำรุงเครื่องบินแยกกัน