
นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม เดือน ก.ค. 2568 จากผู้ตอบแบบสอบถาม 126 แห่ง พบว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 58% ปรับขึ้นจากเดือน มิ.ย. ที่ 52% โดยมีแนวโน้มเดือน ส.ค. ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 56% การปรับตัวในเดือน ก.ค. เป็นผลจากช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของหลายประเทศในยุโรปที่หนุนให้เกิดการเดินทางเข้ามาในไทยมากขึ้น หากแยกรายภูมิภาค อัตราการเข้าพักเดือน ก.ค. ปรับเพิ่มชัดเจนในภาคเหนือจาก 29.2% เป็น 41%, ภาคกลางจาก 61% เป็น 67%, ภาคใต้จาก 45% เป็น 56% ขณะที่ภาคตะวันออกทรงตัวที่ราว 58% โดยไม่แสดงข้อมูลภาคตะวันออกเฉียงเหนือเนื่องจากจำนวนผู้ตอบน้อย
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขรวมจะดีขึ้น แต่ผู้ประกอบการจำนวนมากยังมองว่าธุรกิจโรงแรมไตรมาส 3/2568 จะชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะใกล้ (Short-haul) และจีน ซึ่งเกือบหนึ่งในสามของผู้ประกอบการคาดว่าลูกค้าจีนจะลดลงมากกว่า 30% จากความกังวลด้านความปลอดภัย ในขณะที่นักท่องเที่ยวระยะไกล (Long-haul) มีสัญญาณเพิ่มขึ้น โดยเลือกพักโรงแรมในภาคเหนือมากกว่าโซนอื่น
“แม้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยเดือนกรกฎาคมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 58% แต่ความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยยังเป็นประเด็นกดดันสำคัญ ขณะที่การแข่งขันจากประเทศคู่แข่งในภูมิภาครุนแรงขึ้น”
นายกสมาคมโรงแรมกล่าวว่า ผลสำรวจยังพบว่า ปัญหาขาดแคลนแรงงานยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงเดือนก่อน โรงแรมที่ขาดแรงงานส่วนใหญ่ระบุว่ากระทบต่อคุณภาพบริการมากกว่าความสามารถรองรับลูกค้า ขณะเดียวกัน การปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน ส่งผลให้หลายแห่งต้องปรับโครงสร้างการจ้างงาน โดยเพิ่มการจ้างงานราย job แทนการจ้างประจำ และลดค่าใช้จ่ายอื่น เช่น ค่าพลังงานและวัสดุสิ้นเปลือง
สำหรับข้อเสนอจากผู้ประกอบการต่อภาครัฐ ได้แก่ การลดต้นทุนพลังงาน การตรึงค่าแรงขั้นต่ำให้เหมาะสมกับขนาดกิจการ มาตรการลดหย่อนภาษี รวมถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และการขยายมาตรการพักทรัพย์พักหนี้ สมาคมโรงแรมไทยคาดว่า ปัจจัยบวก เช่น การประกาศปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 การยกเว้นบัตร ตม.6 และการเพิ่มเที่ยวบินจากสายการบินต่าง ๆ จะหนุนให้อัตราการเข้าพักช่วงวันหยุดยาวกลับมาคึกคัก และช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่อุตสาหกรรมโรงแรมไทยในระยะต่อไป