อัดมาตรการช่วยผู้ประสบภัยชายแดนระดมทั้งประกันชีวิต-ประกันวินาศภัยพร้อมสินเชื่อต่ำพักหนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้เรียกประชุมหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง เพื่อกำชับให้เร่งดำเนินการมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยนายพิชัย กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะติดตามการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด และจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือด้านประกันชีวิตและประกันวินาศภัยของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ทั้งในส่วนของประกันภัยและประกันวินาศภัย โดยผ่อนผันเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยเขตพื้นที่ไทย-กัมพูชา โดยเริ่มผ่อนผันตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.-31 ธ.ค. 68

โดยในส่วนมาตรการด้านประกันชีวิต จะขยายระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัยออกไปอีก 60 วันนับแต่วันครบระยะเวลาผ่อนผันเดิม 31 วัน กรณีกรมธรรม์สิ้นผลบังคับเนื่องจากการขาดชำระเบี้ยประกันภัย หากผู้เอาประกันภัยขอต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยภายใน 6 เดือน บริษัทอาจงดการตรวจสุขภาพ และยกเว้นดอกเบี้ยเป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือนด้วยก็ได้

กรณีที่มีการนำมูลค่าเวนคืนมาชำระเบี้ยประกันภัยโดยอัตโนมัติ และกรมธรรม์ประกันภัยถูกแปลงเป็นการประกันภัยแบบขยายเวลา หรือเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ หากผู้เอาประกันภัยขอกลับคืนสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์ประกันภัยภายใน 6 เดือน บริษัทอาจงดการตรวจสุขภาพและยกเว้นดอกเบี้ยในระหว่างนั้น

ในกรณีผู้เอาประกันภัยมีการเปลี่ยนแปลงงวดการชำระเบี้ยประกันภัย หรือมีการชำระเบี้ยประกันภัยรายงวดที่น้อยกว่า 1 ปี โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงงวดการชำระเบี้ยประกันภัย บริษัทอาจผ่อนผันให้ผู้เอาประกันภัยชำระเบี้ยประกันภัยในแต่ละงวดโดยไม่คิดดอกเบี้ยเป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือนด้วยก็ได้

ส่วนมาตรการด้านประกันวินาศภัย จะขยายระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัยที่ครบกำหนดออกไป 90 วันนับแต่วันครบระยะเวลาผ่อนผันเดิม กรณีกรมธรรม์ประกันภัยสิ้นผลบังคับเนื่องจากขาดการชำระเบี้ยประกันภัย หากผู้เอาประกันภัยขอต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทอาจงดการตรวจสุขภาพและยกเว้นดอกเบี้ยเป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือน

“ผมได้กำชับให้ทุกหน่วยงานทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือ ทั้งเรื่องประกันชีวิต ประกันภัย สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ พักหนี้ มาตรการทางภาษี เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและเลือกใช้บริการตามความเหมาะสม และย้ำสถาบันการเงินของรัฐให้ดูแลลูกค้าของตัวเองให้ดี”

นายวีระชัย อมรถกลสุเวช รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส รักษาการผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ออมสินได้ออกสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ 4 ประเภท โดยทุกประเภทคิดอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือนแรก อาทิ สินเชื่อฉุกเฉิน เพื่อเสริมสภาพคล่อง ไม่ต้องใช้หลักประกัน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาทต่อราย ไม่ต้องชำระทั้งดอกเบี้ยและเงินต้นใน 3 เดือนแรก เดือนที่ 4 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย 0.60% ต่อเดือน ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 24 เดือน สำหรับผู้มีอาชีพ มีรายได้ สัญชาติไทย ที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

สินเชื่อฟื้นฟูบ้าน เพื่อต่อเติมซ่อมแซมที่อยู่อาศัย วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี 3 เดือนแรก ผ่อนชำระคืนเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี สำหรับลูกค้าใหม่ กรณีลูกค้าเดิมผ่อนชำระไม่เกินระยะเวลาคงเหลือตามสัญญาเดิม โดยธนาคารสนับสนุนค่าประเมินหลักทรัพย์ตามจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อราย เป็นต้น

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธอส. ได้จัดทำสินเชื่อสำหรับลูกค้าและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาชายแดน ช่วยเหลือให้ครอบคลุมกรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายให้กู้ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ย 1% นาน 3 ปีแรก สามารถยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ

ขณะที่ นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า บสย. จะขยายการช่วยเหลือ SMEs - ลูกหนี้ พักชำระค่างวด พักต้น พักดอก 6 เดือน พร้อมด้วยมาตรการเสริมสภาพคล่อง ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” 2 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Power Trade & Biz วงเงินค้ำประกัน 3,000 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อราย 500,000 – 10 ล้านบาท