
ในขณะที่ตลาดที่ดินกรุงเทพฯ–ปริมณฑลโดยรวมชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนผ่านดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งหดตัว -4.1% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ “สมุทรปราการ–พระประแดง–พระสมุทรเจดีย์” กลับกลายเป็นทำเลดาวรุ่ง ที่มีอัตราการปรับขึ้นของราคาที่ดินพุ่งแรงที่สุด โดยปรับเพิ่มขึ้นถึง 39.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน
REIC หรือ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ชี้ว่า การสวนทางกันอย่างสุดขั้วนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หากแต่สะท้อนการเปลี่ยนจุดยุทธศาสตร์ของภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ผู้ประกอบการเริ่ม “ถอยจากใจกลางเมือง” และหันไป “เร่งปักหมุดรอบนอก” แทน
การชะลอของราคาที่ดินใจกลางเมือง ไม่ใช่เพียงเพราะภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่ควร จากผลกระทบของนโยบายการเงินสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจไทยเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการ เลือกชะลอการสะสมที่ดิน (Land Bank) ในเขตเมือง เช่น
ในทางกลับกัน ที่ดินในเขตสมุทรปราการ–พระประแดง–พระสมุทรเจดีย์ กลับดึงดูดความสนใจจากผู้พัฒนาโครงการและนักลงทุนอย่างมาก
ไม่เพียงแค่สมุทรปราการ ทำเลอื่น ๆ ที่ติดอันดับราคาที่ดินพุ่งแรงในไตรมาสนี้ ได้แก่ บางกรวย–บางใหญ่–บางบัวทอง (+38%), นครปฐม (+15.5%), บางพลี–บางบ่อ–บางเสาธง (+15.4%) และฝั่งธนฯ ตอนล่าง (+11%) ซึ่งล้วนอยู่ในแนววงแหวนรอบนอกของกรุงเทพฯ
ข้อมูลของ REIC ยังพบว่า ทำเลตามแนวรถไฟฟ้าสีเขียว โดยเฉพาะในสมุทรปราการ เป็นพื้นที่ที่ราคาที่ดินเติบโตสูงสุดถึง 39.6% ซึ่งชี้ชัดว่าระบบขนส่งมวลชนยังคงเป็นตัวแปรหลักในการกำหนด “ทำเลทองใหม่” ในยุคที่ศูนย์กลางเมืองไม่ใช่คำตอบเดียวอีกต่อไป
ทั้งนี้ ราคาที่ดิน ในใจกลางกรุงเทพฯ อาจไม่ลดลงแบบฮวบฮาบ แต่ก็เข้าสู่ภาวะ “รอ” ขณะที่ผู้ประกอบการจำนวนมากกำลังวางหมากใหม่ ปรับพอร์ตจากแลนด์แบงก์กลางเมือง มาสู่ทำเลปริมณฑลและจังหวัดศักยภาพอย่างจริงจัง
ในสมรภูมิที่ "ราคา" ต้องสอดคล้องกับ "กำลังซื้อ" และ "ความคุ้มทุน" สมุทรปราการ–พระประแดง จึงไม่ใช่แค่ดาวรุ่ง แต่กำลังจะกลายเป็น “เขตพัฒนาเร่งด่วน” ของอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่นั่นเอง
ที่มา : REIC
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney