ทีมไทยแลนด์เร่งเคลียร์ก่อนถึงเส้นตาย ลุ้นภาษีทรัมป์เท่าภูมิภาค

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับประมาณการ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ประเทศไทย เป็น 2.2% จากการรับแรงหนุนจากภาคการผลิตและการส่งออกที่ขยายตัวดี แต่ยังเผชิญแรงกดดันจากการท่องเที่ยวที่ซบเซา พร้อมย้ำว่าการเจรจาภาษีตอบโต้กับสหรัฐยังคงดำเนินการต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างส่งข้อเสนอฉบับสุดท้ายให้ทันเส้นตายวันที่ 1 ส.ค.นี้ หวังได้อัตราภาษีใกล้เคียงประเทศในภูมิภาค

    ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ ระบุว่า แม้สถานการณ์ไทย-กัมพูชาจะตึงเครียด แต่ไม่กระทบการเจรจาทางการค้า โดยไทยยืนยันจุดยืนไม่โยงการค้ากับความมั่นคง พร้อมเร่งดูแลราคาสินค้าและการขนส่งในพื้นที่ชายแดน หวั่นสินค้าไทยเสียตลาดให้คู่แข่ง พร้อมหาตลาดใหม่ทดแทนและออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ

     ส่วนความขัดแย้งกับกัมพูชานั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลสถานการณ์สินค้าในพื้นที่ตามแนวชายแดนอย่างใกล้ชิด โดยต้องไม่ให้สินค้าขาดแคลน และขึ้นราคา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจ ได้รับผลกระทบแน่นอน จากการปิดด่านชายแดน ทำให้ขนส่งสินค้าไม่ได้ และมีความเป็นห่วงว่าสินค้าไทยอาจเสียตลาดกัมพูชาบางส่วนให้กับสินค้าของประเทศคู่แข่ง

            ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ก็ได้มีมาตรการช่วยเหลือ เช่น หาเส้นทางขนส่งทางเลือกอื่น แต่ก็มีปัญหาที่ต้นทุนสูง เร่งหาตลาดใหม่ทดแทน ร่วมมือกับพันธมิตรสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ แต่ขณะนี้ ขอมุ่งความช่วยเหลือไปที่ประชาชนในพื้นที่ ให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเดิมก่อน เพราะส่วนใหญ่อพยพออกจากบ้านเรือน อีกทั้งบ้านเรือนยังได้รับความเสียหาย จึงต้องเร่งช่วยเหลือและฟื้นฟูก่อน

             ขณะที่สศค. ระบุว่า รายได้จากการท่องเที่ยวมีแนวโน้มลดลง โดยคาดนักท่องเที่ยวเหลือ 34.5 ล้านคน จากเดิม 35.5 ล้านคน ส่งผลให้รายได้ลดลงเล็กน้อย ขณะที่ผลกระทบจากชายแดนกัมพูชาคาดว่าจำกัด เพราะมูลค่าการค้าคิดเป็นเพียง 1.4% ของมูลค่ารวม ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา ได้แก่ ทิศทางภาษีสหรัฐ การไหลเข้าของสินค้าจากประเทศที่โดนภาษี การเคลื่อนย้ายฐานการผลิต การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ และความเปราะบางจากหนี้ครัวเรือน