พาณิชย์ปรับวิธีส่งสินค้า-คุมราคาห้ามเอาเปรียบ กู้วิกฤติค้าขายเขมร

 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังไม่สงบและมีการปิดด่านชายแดนระหว่างกันนั้น ส่งผลให้ประชาชน ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างมาก กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนิน 4 มาตรการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ได้แก่ 1.กำกับดูแลราคาและปริมาณสินค้า โดยลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้าในร้านค้าชายแดนและศูนย์พักพิงทุกจังหวัด พบว่า ยังเพียงพอและไม่ปรับขึ้นราคาเกินสมควร สำหรับสินค้าจำเป็น เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ยาทา/สเปรย์กันยุง และผ้าอ้อมเด็ก/ผู้ใหญ่ ได้ประสานห้างร้านต่างๆ ให้เติมสินค้าให้เพียงพอ รวมทั้งจัดงาน “ธงฟ้าราคาประหยัด” เพื่อลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชนด้วย

2.เชื่อมโยงตลาดและจัดหาช่องทางการจำหน่ายสินค้า ที่ผ่านมา ด้เชื่อมโยงระบายผลผลิตทางการเกษตรที่กัมพูชาห้ามนำเข้า 19 ครั้ง เกือบ 79 ตัน มูลค่ากว่า 2.55 ล้านบาท โดยเปิดจุดจำหน่าย 33 ครั้ง มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการนำสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งผักผลไม้กว่า 600 ตัน ไปจำหน่ายในลาว เมียนมา มาเลเซีย และจีน ส่งผลให้ขณะนี้ สินค้าและผลผลิตทางการเกษตร ตกค้างไม่มาก และเดือนส.ค.นี้ เตรียมเปิดจุดจำหน่ายเพิ่มเติมอีก

“ในด้านเส้นทางขนส่ง ได้ประสานงานให้ข้อมูลผู้ประกอบการ เพื่อหลีกเลี่ยงด่านชายแดนที่ปิดด่าน ทั้งการขนส่งทางเรือและผ่านทางลาว โดยในปัจจุบันมีเรือมาให้บริการขนส่งไปกัมพูชาเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าขนส่งทางเรือลดลงบ้าง แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ประกอบการยังมีความกังวลความเสี่ยงจากการสู้รบ ทำให้มีการชะลอการซื้อขายไว้ก่อน

3.ส่งเสริมสินค้าไทยในกัมพูชาและตลาดทางเลือก โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมสินค้าไทยในหลายรูปแบบ เช่น เจรจาจับคู่ธุรกิจผ่านทางช่องทางออนไลน์ หารือกับเครือข่ายผู้นำเข้าสินค้า รวมทั้งห้างสรรพสินค้าต่างๆ และมีแผนงานแสดงสินค้าเมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดสินค้าไทยในกัมพูชา ในขณะเดียวกันก็ผลักดันการหาตลาดใหม่ด้วย  

4. สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) โดยได้ประสานธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ประชาชนและผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถสอบถามข้อมูลผ่านสายด่วน โทร 1203 หรือติดต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ที่รับผิดชอบ