
พล.อ.อ. มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charges: PSC) หรือค่าธรรมเนียมสนามบินว่า ปัจจุบัน ค่า PSC ของไทยต่ำกว่าประเทศอื่นมาก และไม่ได้ปรับขึ้นนานแล้ว อย่างสิงคโปร์สูงกว่าไทยเท่าตัว ส่งผลกระทบต่อรายได้ที่จะนำมาใช้พัฒนาความสะดวกสบายและความปลอดภัยของสนามบิน จึงต้องปรับขึ้น เพื่อให้สะท้อนต้นทุนจริง ใกล้เคียงกับประเทศอื่น และนำรายได้ไปพัฒนาการให้บริการในสนาม ยกระดับมาตรฐานการบริการและความปลอดภัย
ทั้งนี้ เบื้องต้น การปรับขึ้นค่า PSC จะเก็บจากผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศก่อน แต่ในระยะยาว จะเก็บผู้โดยสารในประเทศด้วย ขณะนี้ กพท. และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กำลังศึกษาอัตราจัดเก็บที่เหมาะสม คาดจะได้ข้อสรุปเดือนต.ค.นี้ จากนั้นจะเสนอให้คณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) พิจารณา
“ถ้าเราอยากได้สนามบินมาตรฐานระดับโลก ต้องลงทุนยกระดับมาตรฐานสนามบิน รายได้จาก PSC ไม่ได้ใช้สร้างความมั่งคั่ง แต่ใช้เพื่อประโยชน์ของผู้โดยสาร ซึ่ง กพท. จะลงทุนเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มระดับความปลอดภัย แต่ขณะนี้บอร์ด กบร. ยังไม่ครบองค์ประชุม กพท. กำลังเสนอชื่อกรรมการใหม่ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบก่อน”
สำหรับสิ่งที่จะพัฒนาในสนามบิน เช่น โดรนติดกล้อง AI สำหรับการตรวจสอบรันเวย์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการตรวจสอบรันเวย์สนามบิน, ระบบ Anti-drone ตรวจจับอากาศยานไร้คนขับ เฝ้าระวังไม่ให้มีการรุกล้ำเข้ามาในเขตหวงห้ามของสนามบิน และหอบังคับการบินดิจิทัล ระบบควบคุมการจราจรทางอากาศที่ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง ทำให้สามารถควบคุมการจราจรของเครื่องบินได้จากระยะไกล
นอกจากนี้ ทอท. ยังอยู่ระหว่างศึกษาการจัดเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับผู้โดยสารที่เปลี่ยนเครื่อง (Transit/Transfer) ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้จัดเก็บ ทำให้สูญเสียรายได้ส่วนนี้จำนวนมาก เพราะปัจจุบัน สนามบินสุวรรณภูมิ มีผู้โดยสาร Transit/Transfer ประมาณ 5% ของผู้โดยสารรวม อย่างไรก็ตาม จะไม่เก็บจากผู้โดยสารไทย แต่จะเก็บจากผู้โดยสารที่รอต่อเครื่องไปประเทศอื่น และใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในสนามบินของไทย ดังนั้น คนไทยจะไม่ได้รับผลกระทบ เมื่อศึกษาเสร็จ ทอท. จะเสนอเรื่องให้ กพท. พิจารณาเห็นชอบต่อไป