
เหตุปะทะ บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หลายระลอก โดยมีชนวนสำคัญ มาจากข้อพิพาทเรื่องเขตแดนที่ยืดเยื้อมานานร่วมเดือน ก่อนถูกเขย่าซ้ำด้วย “คลิปเสียงสนทนา” ระหว่างผู้นำ ซึ่งหลุดออกมาสู่สาธารณะแบบตั้งใจ
จุดกระแสความไม่พอใจและก่อให้เกิดแรงกดดันทางการทูตตามมา ก่อนวานนี้ ไทยลดระดับความสัมพันธ์กัมพูชา ด้านกัมพูชาโต้กลับด้วยการลดระดับความสัมพันธ์กับไทยสู่ระดับ “ต่ำสุด” นำมาสู่การเผชิญหน้ากันของกองทัพ ส่งผลให้มีทั้งทหารและพลเรือนของทั้งสองประเทศได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
แม้ภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคของไทย ยังไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเตือนว่า หากสถานการณ์บานปลายเกินการควบคุม อาจส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจในหลายมิติ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน และประเด็นแรงงานข้ามชาติที่ไทยต้องพึ่งพาอยู่ไม่น้อย
ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ให้ความเห็นว่า หากเหตุปะทะยังจำกัดวงอยู่ในระดับพื้นที่ และไม่ลุกลามเป็นสงครามเต็มรูปแบบ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพใหญ่ของไทยยังค่อนข้างจำกัด
“ผลกระทบโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำ เพราะหากใช้งบประมาณทหารแค่ระยะสั้น 3–7 วัน ยังไม่กระทบเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในภาพใหญ่ แต่สิ่งที่ต้องจับตา คือผลกระทบในพื้นที่ชายแดนที่เกิดขึ้นทันที โดยเฉพาะภาคการค้าชายแดนที่หยุดชะงักจากความไม่แน่นอน”
การขนส่งสินค้าจำเป็น เช่น น้ำมัน สินค้าเกษตร และเครื่องดื่ม ไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติ กระทบเกษตรกรและพ่อค้าชายแดนโดยตรง แม้ปริมาณการค้าระหว่างสองประเทศจะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับภาพรวม แต่หากสถานการณ์ยังยืดเยื้อ ย่อมสร้างผลกระทบทางจิตวิทยา และลดทอนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ
“ ประชาชนกัมพูชายังคงต้องการสินค้าไทยในชีวิตประจำวัน การคว่ำบาตรหรือหยุดนำเข้าไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ”
ด้านการลงทุน จากไทยในกัมพูชายังไม่ได้รับผลกระทบใหญ่ ทั้งที่มีโรงงานและธุรกิจไทยดำเนินงานในพื้นที่ แต่ต้องระวังหากเหตุการณ์ ปานปลายจนเกิดความรุนแรงเหมือนในอดีต
สิ่งที่น่ากังวลไม่น้อยอีกประการหนึ่ง คือผลกระทบต่อ “แรงงานกัมพูชา” ในประเทศไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในภาคก่อสร้าง หากรัฐบาลกัมพูชามีคำสั่งเรียกแรงงานกลับประเทศ หรือเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองภายใน อาจทำให้แรงงานบางส่วนกลับประเทศด้วยความไม่มั่นใจ วิเคราะห์ต่อเนื่อง วา ส่งผลให้ต้นทุนแรงงานในไทยพุ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่อุตสาหกรรมหลายประเภทกำลังฟื้นตัวหลังโควิด
“แม้แรงงานกัมพูชาจะมีสัดส่วนในไทยน้อยกว่าพม่า แต่หากเกิดความไม่แน่นอนด้านแรงงานพร้อมกันหลายกลุ่ม ก็อาจกระทบได้ โดยเฉพาะภาคก่อสร้าง”
ทั้งนี้ ข้อมูล จาก สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว รายงาน ณ สิ้นเดือน พ.ค.2568 ประเทศไทยมีแรงงานจากกัมพูชา รวมทั้งสิ้น 512,184 คน โดยกระจุกตัว อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ มากสุด รองลงมา คือ ชลบุรี ขณะเดียวกัน พบ ทำงานในกิจการก่อสร้างมากที่สุด รองลงมาเป็นกิจการต่อเนื่องการเกษตร
การจับตาสถานการณ์จึงไม่ใช่เพียงในมิติทางการทูตหรือความมั่นคง แต่ต้องรวมถึงความพร้อมในการบริหารความเสี่ยงเชิงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการรักษาความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ และป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามไปกระทบโครงสร้างแรงงาน–การค้าชายแดนในระยะยาว
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney