
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 68 กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง บริษัท พีแอนด์เอฟ เทคโน จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น กับ บริษัท แปลงใหญ่กล้วยหอมทองสุขไพบูลย์ จำกัด เพื่อส่งออกกล้วยหอมทองจากไทยไปญี่ปุ่น โดยใช้โควตาส่งกล้วยหอมภายใต้กรอบความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ปริมาณ 8,000 ตัน/ปี ซึ่งภายใต้ MOU นี้จะเพิ่มปริมาณการส่งออกกล้วยหอมเขียว (คาเวนดิช) ไปญี่ปุ่นเป็น 5,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท จากปัจจุบันที่ส่งออกกล้วยหอมทองเพียง 2,000 ตัน ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นสูงสุดถึงไร่ละ 18,000 บาท หรือเพิ่มขึ้นรวมทั้งแปลง 2–7.2 ล้านบาท คิดเป็น 4%–14%
“จากโควตาภายใต้ JTEPA ไทยสามารถใช้สิทธิประโยชน์ส่งออกกล้วยโดยไม่เสียภาษีนำเข้าได้อีกมาก เพราะปัจจุบันส่งออกได้เพียง 2,000 ตัน จากโควตาทั้งหมด 8,000 ตัน/ปี กรมการค้าภายในจึงเข้ามาต่อยอด โดยการสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาปลูกกล้วยหอมเขียว ที่ทนทานต่อโรคและการขนส่ง ผลผลิตต่อไร่สูง และเก็บรักษาได้นาน ซึ่งกรมการค้าภายในได้สนับสนุนครบวงจร ตั้งแต่ให้คำปรึกษาเชิงลึกโดยผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ ช่วยเกษตรกรดูแลหลังเก็บเกี่ยว คัดคุณภาพ และเลือกบรรจุภัณฑ์เหมาะสมเพื่อการส่งออก พร้อมสนับสนุนพันธุ์กล้วยหอมเขียวต้นแบบกว่า 128,000 ต้น ครอบคลุมพื้นที่ 400 ไร่ ตอบโจทย์ตลาดญี่ปุ่นที่นิยมบริโภคกล้วยหอม นอกจากนี้ ยังเชื่อมโยงตลาดญี่ปุ่นผ่าน MOU เสริมสร้างโอกาสส่งออกกล้วยหอมเขียวไทยสู่ตลาดญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น”
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า เพราะกล้วยหอมเขียวมีผลผลิตต่อไร่สูง ส่งออกได้จริงในกรอบ JTEPA และมีตลาดญี่ปุ่นรองรับต่อเนื่อง กระทรวงพาณิชย์จึงพร้อมผลักดันให้กล้วยหอมเขียว (คาเวนดิช) เป็นหนึ่งในสินค้าดาวรุ่งด้านส่งออกของไทย ร่วมกับกล้วยหอมทองที่มีศักยภาพสูงและส่งออกไปญี่ปุ่นได้อยู่แล้ว โดยกระทรวงพาณิชย์มีแผนขยายผลสำเร็จจากแปลงใหญ่กล้วยหอมทองสุขไพบูลย์ในเสิงสาง สู่กลุ่มแปลงใหญ่ในจังหวัดอื่นๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่ปลูกกล้วยหอมเขียวและกล้วยหอมทอง ด้วยโมเดลการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และการเชื่อมโยงตลาดที่แข็งแรง สร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกรไทย หากปริมาณการส่งออกกล้วยหอมใกล้เต็มโควตา 8,000 ตัน กระทรวงพาณิชย์จะเจรจาเพื่อขยายโควตาส่งออกไปญี่ปุ่นต่อไป