
นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ยืนยันในเวทีเสวนา "ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก" ว่ากระทรวงคมนาคมเดินหน้าผลักดันนโยบายโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศ ทั้งระบบคมนาคม การขนส่ง และเศรษฐกิจ รวมถึงคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยตั้งเป้าให้เกิดประโยชน์ในทุกมิติ ทั้งการลดค่าครองชีพ ขยายโอกาสการจ้างงาน และดึงดูดการลงทุน
สำหรับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย หลังทดลองในสายสีม่วงและสีแดงพบจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเกือบ 30% ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ขยายครอบคลุม 13 สายทั่ว กทม.-ปริมณฑล ระยะทางรวม 276 กม. มีผลในเฟสสอง เริ่มจากผู้โดยสารคนไทยที่ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐ และใช้บัตร EMV หรือ Rabbit จะได้สิทธิอัตรา 20 บาท หากไม่ลงทะเบียนยังต้องจ่ายในราคาปกติ พร้อมเร่งผลักดัน พ.ร.บ. ตั๋วร่วม การขนส่งทางราง และ รฟม. คาดผ่านสภาฯ ส.ค. นี้
อีกโครงการสำคัญคือ "แลนด์บริดจ์" เชื่อมท่าเรือน้ำลึกชุมพรและระนอง ด้วยรถไฟทางคู่และมอเตอร์เวย์ 90 กม. ลดเวลาขนส่งสินค้าระหว่างมหาสมุทรอินเดีย-แปซิฟิก 4–5 วัน ประหยัดต้นทุน 15–20% พร้อมจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ SEC ครอบคลุม 4 จังหวัดภาคใต้ เพื่อดึงดูดการลงทุน โดยจะออกกฎหมายเฉพาะ และคาดว่าจะสร้างการจ้างงานเพิ่มกว่า 280,000 ตำแหน่ง
ขณะเดียวกันยังเดินหน้าพัฒนารถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 เปิดให้บริการแล้ว 5 จาก 7 เส้นทาง ส่วนระยะที่ 2 อยู่ระหว่างการอนุมัติ ครม. อีก 6 เส้น ลงนามแล้ว 1 เส้น พร้อมเตรียมโครงการเส้นใหม่อีก 2 สายคือ เด่นชัย–เชียงของ และ บ้านไผ่–มุกดาหาร–นครพนม ส่วนรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ–นครราชสีมา เร่งเปิดใช้ปี 2571 ส่วนช่วงต่อขยายถึงหนองคาย ครม.อนุมัติแล้ว ขณะที่ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน อยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญา กำหนดแล้วเสร็จปี 2573