ส.อ.ท.โอดปิดด่านทำดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมลด เงินไทยไหลออกนอกระบบ

 นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับ 87.7 ลดลงจากเดือนพ.ค.อยู่ที่ระดับ 88.1 เป็นผลจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา และการระงับนำเข้าน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) จากไทย ส่งผลต่อการค้าชายแดนและผ่านแดน ราคาสินค้าเกษตรหดตัวรุนแรง รายได้เกษตรกรกำลังซื้อในภูมิภาคลดลง ส.อ.ท.จึงมีข้อเสนอแนะให้ภาครัฐ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการปิดด่านการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา

"ความขัดแย้งและความไม่แน่นอน ทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและภาคเอกชน เงินบาทแข็งค่า การส่งออกและจำนวนนักท่องเที่ยวชะลอตัว อีกทั้งสหรัฐปรับขึ้นภาษี Sectoral Tariff ในกลุ่มสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมจาก 25% เป็น 50% กระทบต่อผู้ประกอบการไทย รวมทั้งราคาพลังงานที่ผันผวนสูงขึ้น “

ด้านนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า  เริ่มเห็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วง ทั้งการไหลของเงินออกไปลงทุนต่างประเทศเพื่อหาผลตอบแทนที่สูงกว่า ทั้งการลงทุนในกองทุนรวมและการลงทุนโดยตรง  รวมทั้งพบสัญญาณของเศรษฐกิจนอกระบบในการเคลื่อนย้ายเงินทุน ซึ่งอาจจะสะท้อนการลงทุนผ่านทองคำและคริปโตเคอร์เรนซี ที่ไม่สามารถตรวจสอบหรือจับต้องในระบบเศรษฐกิจจริงได้   "การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก การขยายเพดานหนี้สาธารณะอาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งทบทวนงบประมาณปี 2569 เพื่อจัดลำดับความสำคัญใหม่ โดยจำเป็นต้องเลิกแนวทางแบบเหมาเข่ง เดินหน้าแก้ไขปัญหาผ่าน 3 แนวทางคือ การกระตุกเศรษฐกิจในระยะสั้น  การประคองและกระตุ้นเพื่อไม่ให้กลุ่มปริ่มน้ำหลุดออกจากระบบ และ การปฏิรูปโครงสร้างผ่านการผันเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ในระบบ”