
วันนี้ (11 ก.ค.2568) “ทีมไทยแลนด์” และ ทีมที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี เปิดบ้านพิษณุโลกตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อประชุมลับ รับมือกับจดหมายแจ้งอัตราภาษีนำเข้า ที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เรียกเก็บจากไทยถึง 36% ก่อนบังคับใช้จริง 1 ส.ค.นี้
แม้เป็นที่รับรู้กันว่า ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ชุดใหม่ ยังคงมุ่งเป้าเจาะจงไปที่จีน แต่ความเสียหายกำลังกระเพื่อมไปทั่ว และส่งสัญญาณเชิงยุทธศาสตร์ถึง “พันธมิตร” และ “คู่แข่ง” ทั่วโลก ขณะประเทศไทย ก็ตกอยู่ในเกมนี้ด้วย
สำหรับคาดการณ์ผลกระทบจาก “ภาษีทรัมป์” นั้น มีนักเศรษฐศาสตร์ เอกชน และ นักธุรกิจ หลายรายออกมาให้ความเห็น ถึงผลกระทบร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นทางเศรษฐกิจ คาดว่ามูลค่าความเสียหายต่อการส่งออกไทยอาจอยู่ที่ประมาณ 8-9 แสนล้านบาท
ล่าสุด ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประเมินภาพใหญ่ ทำนายผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์ ภายใต้ 10 เรื่องที่จะเกิดขึ้นกับโลก ทั้งในภาคเศราฐกิจ การเงิน และ การลงทุน ดังนี้
สหรัฐฯ: “เงินเฟ้อเร่ง เศรษฐกิจแผ่ว ตลาดการเงินผันผวน”
1. เศรษฐกิจชะลอแรงแต่ยังไม่ถดถอย
ความไม่แน่นอนลากยาวถึงกลางปีหน้า
2. เงินเฟ้อพุ่งหลายระลอก
ราคาสินค้านำเข้าสูง → ค่าจ้างขึ้น → ต้นทุนธุรกิจเพิ่ม
3. เฟดลดดอกเบี้ยได้ยาก
อาจลดเพียง 1 ครั้งเดือนธันวาคม และน้อยกว่าที่ตลาดคาดในปีหน้า
4. บอนด์ยีลด์ระยะยาวพุ่ง
ตลาดกังวลปัญหาการคลังสหรัฐ หนี้สาธารณะสูง รัฐบาลต่างชาติลดการถือ
5. ดอลลาร์อ่อนค่า เงินไหลออก
นักลงทุนหันไปถือทอง คริปโต และหุ้นตลาดเกิดใหม่ เงินยูโรกลับมาน่าสนใจกว่า
ไทยและเอเชีย: “ส่งออกทรุด เศรษฐกิจฝืด ต้องพึ่งนโยบายรัฐ”
6. ส่งออกไทยซบเซา กำลังซื้อในประเทศอ่อน
การจ้างงานและรายได้ลดลง นักท่องเที่ยวจีนหาย
7. เงินเฟ้อติดลบระยะสั้น
จากน้ำมันถูก + ดีมานด์อ่อน + การแข่งขันด้านราคา ระวัง price war
8. แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยแรงกว่าคาด
อาจต่ำกว่า 1.25% เพื่อพยุงเศรษฐกิจ
9. รัฐบาลไทยต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ
เน้นแจกเงินเฉพาะกลุ่ม ลดรายจ่าย ดึงลงทุน และพยุงแรงงาน
10. นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย
ทองคำ, หุ้นปันผลสูง, REIT และตลาดที่มีเสถียรภาพ บาทอ่อนไม่มากเพราะดอลลาร์ก็อ่อน
ขณะที่โลกกำลังสั่นไหวจากนโยบายกีดกันการค้ารูปแบบใหม่ ประเทศไทยในฐานะ “เศรษฐกิจเปิด” ที่พึ่งพาการส่งออกและการลงทุนจากภายนอก แม้ยังมีเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนก่อนมาตรการภาษีนำเข้า 36% จากสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้จริง
แต่กูรูหลายคน มองตรงกันว่า สิ่งที่ไทยควรทำ ไม่ใช่แค่รอเจรจาแต่ต้องมองให้ออกว่า “โลกใบนี้กำลังเล่นเกมใหม่” ที่ไม่ใช่แค่การค้า แต่คือการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์เต็มรูปแบบ คำถามคือ ไทยพร้อมจะเล่นเกมนี้ไหม และ อย่างไร?
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney