
ผ่านมาครึ่งปี ลองมองรอบตัวดูดี ๆ ร้านอาหารที่เคยแน่นตอนเย็นกลับโล่ง โรงแรมในเมืองท่องเที่ยวบางแห่งลดราคา แต่ก็ยังไม่มีคนพัก คอนโดฯปล่อยเช่าที่เคยทำเงินตอนมีนักท่องเที่ยว กลับเงียบกริบ ทั้งหมดนี้อาจดูไม่เกี่ยวกับเราโดยตรง แต่ความจริงคือ "เกี่ยวเต็ม ๆ"
เมื่อ ประเทศไทย ยังพึ่งพา “เศรษฐกิจท่องเที่ยว” เป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลัก หากนักท่องเที่ยวหาย เงินก็หาย และไม่ใช่แค่เจ้าของโรงแรมหรือร้านค้าเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ
แต่คนทำงานในระบบ ที่เกี่ยวเนื่องในธุรกิจท่องเที่ยว นับล้านคน อาจถูกลดรายได้ ลดโอที หรือแม้แต่เลิกจ้างแบบเงียบ ๆ โดยไม่รู้ว่าอะไรเป็นต้นเหตุ
ข้อมูลล่าสุดจาก Krungthai COMPASS ชี้ว่า ภาคท่องเที่ยวไทย ที่มีผลต่อ GDP มากราว 50-60% แผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด ในช่วงไตรมาสแรก ของปี 2568 ที่ผ่านมา จนเหลือสัดส่วนเพียง 20.5% ต่อ GDP
สาเหตุหลักมาจาก ตลาดหลัก อย่างนักท่องเที่ยวจีน จำนวนถดถอยลง เพราะความสามารถของท่องเที่ยวไทยที่ด้อยกว่าประเทศคู่แข่ง สะท้อนจากการจัดอันดับของ World Economic Forum ที่จัดให้ไทยอยู่อันดับ 47 ลดลง 6 อันดับ จากปี 2562 โดยเฉพาะตัวชี้วัดในแง่ “ความปลอดภัย”
ขณะ 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) พบว่า นักท่องเที่ยวจีน จำนวนหดตัวราว -33% (จากปีก่อน) และฟื้นตัวได้เพียง 41% (จากปี 2562) กลายเป็นกลุ่มที่ฉุดภาคการท่องเที่ยวไทยในปัจจุบัน ฮ่องกง และไต้หวัน ก็ฟื้นตัวน้อย
สิ่งที่น่าคิด คือ ชาวจีนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเวียดนาม และ ญี่ปุ่น แทนไทย จากอานิสงส์ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นอ่อน มีการผ่อนคลายวีซ่าให้นักท่องเที่ยว ส่วนเวียดนาม ค่าใช้จ่ายถูก และอยู่ในทำเลไม่ไกลจีนมากนัก ท้ายที่สุดประเมินว่า นักท่องเที่ยวจีนในปี 2568-2569 ของไทย จะอยู่ที่ราว 5.5 ล้านคน และ 7.2 ล้านคน ฟื้นตัวเพียง 50-65% เท่านั้น
คำถามคือ เมื่อนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักอย่างจีน เมินไทย ใครบ้างจะกระทบ ?
ผลกระทบจะเป็นลูกโซ่ตั้งแต่ธุรกิจใหญ่ยันแรงงานระดับล่าง แล้วมันยังไม่นับความเสี่ยงรอบใหม่ที่กำลังคืบคลานเข้ามา กรณี"ภาษีทรัมป์" ที่สหรัฐฯ เตรียมบังคับใช้ อาจทำให้โรงงานไทยโดยเฉพาะกลุ่มส่งออก ต้องลดกำลังการผลิต และแน่นอน คนรับแรงกระแทกก็คือ “แรงงาน” และ “ผู้บริโภค” คนไทยอีกนั่นแหละ
Krungthai COMPASS ประเมินว่า การที่จีนหายไป แต่กลับเห็นการเติบโต High Spending จากยุโรปมาแทน กลุ่มธุรกิจที่ได้ประโยชน์อยู่ในวงแคบ
ส่วนธุรกิจที่จะกระทบทั้งทางตรงและอ้อม มีดังนี้
ท้ายที่สุด อาจสรุปได้ว่า เมื่อธุรกิจที่เคยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต้องเผชิญกับยอดขายที่หดตัวต่อเนื่อง สิ่งที่ตามมาคือการลดต้นทุน ลดโอที ไม่ขึ้นเงินเดือน หรือแม้แต่ลดจำนวนพนักงาน ทั้งหมดนี้กระทบ “แรงงานคนไทย” โดยตรง ไม่ว่าเราจะอยู่ในธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ค้าปลีก หรือแม้แต่ทำงานออฟฟิศที่พึ่งพาการจับจ่ายของคนในพื้นที่ท่องเที่ยว รายได้ที่ลดลงของคนรอบตัว ก็คือ "ยอดขายที่หายไปของคุณ" เช่นกัน
เศรษฐกิจไทยวันนี้ จึงเหมือนเครื่องยนต์ที่สะดุด ไม่ใช่เพราะคนไทยไม่ขยันทำงาน แต่เพราะ “ระบบรายได้หมุนเวียน” มันไม่ไหลเหมือนเดิม เมื่อรายได้จากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มจีนที่เคยเป็นตัวหลัก ยังไม่ฟื้นและความเสี่ยงใหม่จาก “ภาษีทรัมป์” อาจซ้ำเติมภาคโรงงานในไม่ช้า
ก็ไม่แปลกเลย ที่ใครหลายคนจะรู้สึกว่า “เงินหาย รายได้หด” โดยไม่เข้าใจว่าทำไม ? เพราะคำตอบอาจมาจากเครื่องบินหลายลำที่ไม่ได้ลงจอดในไทยเหมือนที่เคยเป็น …
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney