เศรษฐกิจไทยปี 68 อยู่ตรงไหน 13 แบงก์-ศูนย์วิจัยพาเหรดปรับจีดีพี ท่ามกลางความผันผวนจากภาษีทรัมป์

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เศรษฐกิจไทยปี 68 อยู่ตรงไหน 13 แบงก์-ศูนย์วิจัยพาเหรดปรับจีดีพี ท่ามกลางความผันผวนจากภาษีทรัมป์

Date Time: 8 ก.ค. 2568 10:32 น.

Video

SAWAKAMI บลจ.ญี่ปุ่นบุกไทย | BrandStory Exclusive EP.26

Summary

13 สถาบันการเงินและศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ พากันปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพีไทยปี 2568 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังซบเซา หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง และผลกระทบจากภาษีทรัมป์

Latest


ผ่านมาแล้วครึ่งทางของปี 2568 แต่ดูเหมือนสถานการณ์เศรษฐกิจไทยจะไม่สดใสเท่าไรนัก เมื่อดูจากการทำประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ไทยของปี 2568 จาก 13 สถาบันการเงินชั้นนำและศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ

พบว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้มีความเปราะบางและความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นมาก จากที่เคยหวังว่าจะเป็นปีฟื้นตัว แต่ครึ่งปีหลังกลับเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ

13 สถาบันการเงินและศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ คาดการณ์ GDP ไทย ปี 2568

หลายหน่วยงานวิจัยเศรษฐกิจต่างปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2568 สะท้อนความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน กำลังซื้อในประเทศที่อ่อนแรง และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงกดดันเศรษฐกิจโดยรวม 

Thairath Money รวบรวมตัวเลขประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่หลายๆ สำนักวิจัยออกมาประกาศปรับลง เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี ดังนี้

1. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย :  1.4%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.4% เพราะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีความผันผวนและเสี่ยงสูงจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น

  • ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีความแน่นอน
  • การท่องเที่ยวซบเซา
  • หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น

2. ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) :  1.5%

 ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.5% ซึ่งเป็นการปรับลดจากช่วงต้นปีที่เคยคาดว่าจะโตในอัตรา 2.4% โดยมีสาเหตุจากความเสี่ยงหลายปัจจัย อาทิ

  • นโยบายภาษีทรัมป์
  • หนี้ครัวเรือนสูง
  • คนไทยเข้าถึงสินเชื่อยากขึ้น
  • การเมืองที่ไม่มั่นคง

3. เกียรตินาคินภัทร (KKP) : 1.6%

เกียรตินาคินภัทร คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.6% จากแรงกดดันด้านลบที่ส่งให้เศรษฐกิจมีความผันผวนและไม่แน่นอนสูง เช่น

  • การชะลอตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
  • ความไม่แน่นอนทางการเมือง
  • การเจรจาการค้า
  • ราคาน้ำมัน

4. มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC) : 1.7%

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.7% จากการที่รัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยงบ 1.57 แสนล้านบาท แต่ขณะเดียวไทยก็ยังเจอกับปัญหาที่เข้ามารุมเร้า ทำให้ภาคบริโภคอ่อนแรง การส่งออกสะดุด เช่น

  • ภาษีทรัมป์
  • สินค้าจีนทะลักเข้าไทยและแข่งขันกับผู้ผลิตไทย
  • การลงทุนเอกชนหดตัว
  • ความตึงเครียดระหว่างไทย - กัมพูชา

5. กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) : 1.8%

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.8% ปรับลดจากที่เคยคาดไว้ในระดับ 2.9% และระบุว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำสุดในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียเมื่อเทียบกับ GDP ประเทศอื่น ๆ อย่าง 

  • มองโกเลีย 6.0%
  • อินเดีย 6.2%
  • ฟิลิปปินส์ 5.5%
  • ไทย 1.8%

6. ธนาคารโลก (World Bank) : 1.8%

ธนาคารโลก คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.8% อ้างอิงจากรายงานการตามติดเศรษฐกิจไทย ฉบับเดือนกรกฎาคม และระบุว่าในปี 2569 จะอยู่ในระดับ 1.7% เพราะผลกระทบจากปัจจัยรอบด้าน เช่น

  • การเมืองในประเทศที่สั่นคลอน
  • นโยบายภาษีทรัมป์
  • สงครามการค้าที่ตึงเครียด

7. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) : 1.8%

สภาพัฒน์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.8% โดยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภคภาคเอกชนและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ แต่การขยายตัวเศรษฐกิจยังมีข้อจำกัดที่สร้างความกดดันให้เศรษฐกิจอยู่ คือ

  • หนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง
  • ผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์
  • ความผันผวนของภาคการเกษตร

8. ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMB THAI) : 1.8%

ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.8% เข้าข่ายเศรษฐกิจชะงักงัน และอาจเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค ยากจะเชื่อมั่นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เพราะความเดือดดาลทางการเมืองระหว่างประเทศและในประเทศค่อนข้างฉุดรั้งความเชื่อมั่น ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค จากการที่..

  • อสังหาริมทรัพย์ซบเซา 
  • นักท่องเที่ยวหาย
  • กำลังซื้ออ่อนแอ
  • การปล่อยสินเชื่อน้อยลง

9. ธนาคารกรุงเทพ (BBL) : 2.0%

ธนาคารกรุงเทพ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 2.0% และในกรณีที่ย่ำแย่ที่สุดอาจโตต่ำถึง 1.5% เนื่องจากประเทศไทยยังเผชิญกับความกดดันหลายด้านที่ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่และถดถอย โดยส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจาก

  • เหตุการณ์แผ่นดินไหว
  • นโยบายภาษีทรัมป์
  • การท่องเที่ยวหดตัว เพราะต่างชาติกังวลเรื่องความปลอดภัย
  • การเมืองที่ไม่มั่นคง

10. กระทรวงการคลัง (สศค.) : 2.1%

กระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 2.1% โดยมีสาเหตุหลักมาจากแรงกดดันด้านการค้าโลก โดยเฉพาะนโยบายภาษีทรัมป์ที่ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยอยู่ในสภาวะชะลอตัว ทั้งนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดเพราะอาจส่งผลกระทบต่อไทย เช่น

  • ทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยตามนโยบายของสหรัฐ
  • หนี้ครัวเรือนที่ยังพุ่งสูง
  • การแข่งขันจากสินค้าประเทศอื่นที่หลั่งไหลเข้ามาในไทย

11. วิจัยกรุงศรี : 2.1%

วิจัยกรุงศรีปรับลดประมาณการ GDP ไทยปี 2568 ลงเหลือ 2.1% (จากเดิม 2.7%) โดยระบุว่านอกจากแรงกดดันจากภายนอก เช่น นโยบายภาษีสหรัฐฯ แล้วนั้น ยังมีแรงลบจากภายในประเทศที่ต้องให้ความระมัดระวัง อาทิ

  • หนี้ครัวเรือน
  • นักท่องเที่ยวลดน้อยลง
  • การลงทุนภาคเอกชนหดตัว
  • ผลกระทบจากแผ่นดินไหว

12. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) : 2.3%

ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเติบโตที่ 2.3% โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ธปท. ระบุว่าเศรษฐกิจยังเผชิญกับปัจจัยกดดันหลายด้าน เช่น

  • นักท่องเที่ยวลดน้อยลง
  • หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น
  • นโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐ

แต่ภาคยานยนต์มีสัญญาณฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์ที่ดีขึ้นทั้งด้านการผลิตและยอดขายในประเทศ และการส่งออกสินค้าโตขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้ธปท.มองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้สามารถโตได้ในระดับ 2.3% 

13. ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) : 2.8%

ธนาคารพัฒนาเอเชีย คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเติบโตที่ 2.8% โดยได้แรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และการดำเนินโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ซึ่งช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ

แม้ว่าการฟื้นตัวจะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ ADB ยังมองว่าปัจจัยภายในอย่าง ระดับหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการบริโภคของประชาชน ขณะที่ปัจจัยภายนอก เช่น ความไม่แน่นอนด้านการค้าโลก และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ อาจกระทบต่อภาคส่งออกของไทยในระยะต่อไป

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงประมาณการจากสถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งประเมินการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปี 2568 ภายใต้เงื่อนไขและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งนี้ ตัวเลขคาดการณ์อาจมีการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงหากเกิดความเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐสูงถึง 36% ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการส่งออกของไทย


ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ