
ผ่านมาแล้วครึ่งทางของปี 2568 แต่ดูเหมือนสถานการณ์เศรษฐกิจไทยจะไม่สดใสเท่าไรนัก เมื่อดูจากการทำประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ไทยของปี 2568 จาก 13 สถาบันการเงินชั้นนำและศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ
พบว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้มีความเปราะบางและความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นมาก จากที่เคยหวังว่าจะเป็นปีฟื้นตัว แต่ครึ่งปีหลังกลับเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ
หลายหน่วยงานวิจัยเศรษฐกิจต่างปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2568 สะท้อนความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน กำลังซื้อในประเทศที่อ่อนแรง และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงกดดันเศรษฐกิจโดยรวม
Thairath Money รวบรวมตัวเลขประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่หลายๆ สำนักวิจัยออกมาประกาศปรับลง เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี ดังนี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.4% เพราะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีความผันผวนและเสี่ยงสูงจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.5% ซึ่งเป็นการปรับลดจากช่วงต้นปีที่เคยคาดว่าจะโตในอัตรา 2.4% โดยมีสาเหตุจากความเสี่ยงหลายปัจจัย อาทิ
เกียรตินาคินภัทร คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.6% จากแรงกดดันด้านลบที่ส่งให้เศรษฐกิจมีความผันผวนและไม่แน่นอนสูง เช่น
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.7% จากการที่รัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยงบ 1.57 แสนล้านบาท แต่ขณะเดียวไทยก็ยังเจอกับปัญหาที่เข้ามารุมเร้า ทำให้ภาคบริโภคอ่อนแรง การส่งออกสะดุด เช่น
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.8% ปรับลดจากที่เคยคาดไว้ในระดับ 2.9% และระบุว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำสุดในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียเมื่อเทียบกับ GDP ประเทศอื่น ๆ อย่าง
ธนาคารโลก คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.8% อ้างอิงจากรายงานการตามติดเศรษฐกิจไทย ฉบับเดือนกรกฎาคม และระบุว่าในปี 2569 จะอยู่ในระดับ 1.7% เพราะผลกระทบจากปัจจัยรอบด้าน เช่น
สภาพัฒน์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.8% โดยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภคภาคเอกชนและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ แต่การขยายตัวเศรษฐกิจยังมีข้อจำกัดที่สร้างความกดดันให้เศรษฐกิจอยู่ คือ
ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 1.8% เข้าข่ายเศรษฐกิจชะงักงัน และอาจเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค ยากจะเชื่อมั่นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เพราะความเดือดดาลทางการเมืองระหว่างประเทศและในประเทศค่อนข้างฉุดรั้งความเชื่อมั่น ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค จากการที่..
ธนาคารกรุงเทพ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 2.0% และในกรณีที่ย่ำแย่ที่สุดอาจโตต่ำถึง 1.5% เนื่องจากประเทศไทยยังเผชิญกับความกดดันหลายด้านที่ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่และถดถอย โดยส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจาก
กระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตที่ 2.1% โดยมีสาเหตุหลักมาจากแรงกดดันด้านการค้าโลก โดยเฉพาะนโยบายภาษีทรัมป์ที่ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยอยู่ในสภาวะชะลอตัว ทั้งนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดเพราะอาจส่งผลกระทบต่อไทย เช่น
วิจัยกรุงศรีปรับลดประมาณการ GDP ไทยปี 2568 ลงเหลือ 2.1% (จากเดิม 2.7%) โดยระบุว่านอกจากแรงกดดันจากภายนอก เช่น นโยบายภาษีสหรัฐฯ แล้วนั้น ยังมีแรงลบจากภายในประเทศที่ต้องให้ความระมัดระวัง อาทิ
ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเติบโตที่ 2.3% โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ธปท. ระบุว่าเศรษฐกิจยังเผชิญกับปัจจัยกดดันหลายด้าน เช่น
แต่ภาคยานยนต์มีสัญญาณฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์ที่ดีขึ้นทั้งด้านการผลิตและยอดขายในประเทศ และการส่งออกสินค้าโตขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้ธปท.มองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้สามารถโตได้ในระดับ 2.3%
ธนาคารพัฒนาเอเชีย คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเติบโตที่ 2.8% โดยได้แรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และการดำเนินโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ซึ่งช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ
แม้ว่าการฟื้นตัวจะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ ADB ยังมองว่าปัจจัยภายในอย่าง ระดับหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการบริโภคของประชาชน ขณะที่ปัจจัยภายนอก เช่น ความไม่แน่นอนด้านการค้าโลก และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ อาจกระทบต่อภาคส่งออกของไทยในระยะต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงประมาณการจากสถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งประเมินการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปี 2568 ภายใต้เงื่อนไขและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งนี้ ตัวเลขคาดการณ์อาจมีการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงหากเกิดความเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐสูงถึง 36% ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการส่งออกของไทย
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney